"จูเนียร์" รามณรงค์ เสวกวิหารี จอมเตะหนุ่มไทย รุ่น 58 กก.ชาย โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม ในศึกเทควันโด รอบคัดเลือก โอลิมปิกเกมส์ 2020 โซนเอเชีย ที่จอร์แดน สามารถซิวตั๋วไปโตเกียวเกมส์ รอบสุดท้าย ได้สำเร็จ นับเป็นนักเทควันโดคนที่ 2 ต่อจาก พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ และเป็นคนที่ 25 ของทัพนักกีฬาไทย
การแข่งขันเทควันโด รอบคัดเลือก โอลิมปิกเกมส์ 2020 โซนเอเชีย ที่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ซึ่ง สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ส่ง 3 จอมเตะไทย ประกอบด้วย "นก" พรรณนภา หาญสุจินต์ รุ่น 57 กก.หญิง, "จูเนียร์" รามณรงค์ เสวกวิหารี รุ่น 58 กก.ชาย และ "แบงค์" หลักชัย ห้วยหงส์ทอง รุ่น 68 กก.ชาย ตกรอบ 8 คนไปเมื่อวันแรก โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 21 พ.ค. เป็นการแข่งขันในที่สอง มีนักกีฬาเทควันโดของไทย ลงสนาม 2 คน คืด "นก" พรรณนภา หาญสุจินต์ รุ่น 57 กก.หญิง, "จูเนียร์" รามณรงค์ เสวกวิหารี รุ่น 58 กก.ชาย
โดยในรุ่น 58 กก.ชาย เจ้าจูเนียร์ ได้ยืนรอแข่งในรอบแรก 8 คนสุดท้าย ซึ่งรุ่นนี้มีนักกีฬาจาก 10 ชาติ โดยจูเนียร์ ลงเจอ มารัต นิยาซอฟ จากคีย์จิกิสถาน ซึ่งจอมเตะไทยโชว์ฝีเท้าไล่เตะอยู่แทบจะฝ่ายเดียว จนหมดสามยก เอาชนะไปขาดลอย 55-4 แต้ม ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ หรือรัอบชิงตั๋วโอลิมปิกเกมส์ 2020 ซึ่งต้องเจอกับ คาน ฮารูน จากปากีสถาน ซึ่งคู่นี้เคยเจอกันมามาแล้ว 1 ครั้ง ในรายการ จอร์แดนโอเพ่น เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่ง รามณรงค์ เอาชนะมาได้ขาดลอย
เกมเริ่มมายกแรก ยกแรกโดนนำ 5-0 เตะคืนมา 4-5 แล้วเตะหัวแซงนำ 7-5 ก่อนโดตัดแต้มทั้งคู่ จูเนียร์ นำ 8-6 เข้ายกสอง จูเนียร์ เดินหน้าเตะ อาศัยความเร็วชิ่งเตะก่อนจนนำห่าง 20-10 มาถึงยกสาม เปิดมา จอมเตะจากปากีสถาน ไล่รัวแข้ง เตะ 3 ครั้ง ไล่จี้มา 17-20 แต่พอ จอมตะไทยตั้งหลักได้ อาศัยความคล่องแคล่ว ดักเตะ ทวงแต้มคืนจนนำห่าง 27-19 ก่อนที่ช่วงท้าย ปากี จะเดินแลกแข้งอย่างสนุกจนหมดยก รามณรงค์ เอาชนะไป 32-26 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ คว้าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ รอบสุดท้ายไปครอง
ขณะที่รุ่น 57 กก.หญิง มีนักกีฬาทั้งหมด 14 คน “นก” พรรณนภา ออกสตาร์ทในรอบก่อนรองชนะเลิศ พบ นาฮิด คิยานิชานเดห์ จากอิหร่าน ในนัดนี้ สาวไทย พยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่สุดท้ายพ่ายไปอย่างน่าเสียดาย 16-18 จอดป้ายเพียงแค่นี้
ทำให้ ในเวลานี้ "จูเนียร์" รามณรงค์ เสวกวิหารี นักเทควันโดทีมชาติไทย รุ่น 58 กก.ชาย ได้โควต้าไปเข้าร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 ระหว่างวันที่ 23 ก.ค.-8 ส.ค.นี้ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นคนที่ 2 ต่อจาก "เทนนิส"พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ในรุ่น 49 กก. ที่คว้าตั๋วโดยอันโนมัติ จากการเป็นอันดับ 1 ของโลก และจูเนียร์ เป็นนักกีฬาไทยคนที่ 25 ต่อจาก “แซม” เศวต เศรษฐาภรณ์ ยิงเป้าบิน แทร็ปชาย, “แบม” กมลวรรณ จันทร์ยิ้ม เรือใบ เลเซอร์ เรเดียลหญิง, “ดาว” ศิริพร แก้วดวงงาม วินด์เซิร์ฟ อาร์เอสเอ็กซ์หญิง, “บีซ” จุฑาธิป มณีพันธุ์ จักรยาน ถนนหญิง, “กัปตัน” อิศรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร ยิงปืน ปืนสั้นยิงเร็ว 25 เมตรชาย, “เอิน” ณภัสวรรณ หย่างไพบูลย์ ยิงปืน ปืนสั้นสตรี 25 เมตรหญิง, “ธันย่า'' ธันยพร พฤกษากร ยิงปืน ปืนสั้นสตรี 25 เมตรหญิง
“ณี” สุธิยา จิวเฉลิมมิตร ยิงเป้าบิน สกีตหญิง, “วอร์ม” อิศราภา อิ่มประเสริฐสุข ยิงเป้าบิน สกีตหญิง, ขี่ม้าประเภทอีเวนท์ต้ิง (“มิ้น” อาริย์ณัฏฐา ชวตานนท์, “นัท” กรธวัช สำราญ และ “บอมบ์” วีรภัฎ ปิฏกานนท์), “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เทควันโด รุ่น 49 กิโลกรัมหญิง, ใบสน มณีก้อน มวยสากล รุ่น 69 กิโลกรัมหญิง, “เหลิม” ธิติสรรค์ ปั้นโหมด มวยสากล รุ่น 52 กิโลกรัมชาย, “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี มวยสากล รุ่น 60 กิโลกรัมหญิง, “สด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี มวยสากล รุ่น 57 กิโลกรัมชาย
คีริน ตันติเวทย์ กรีฑา ระยะ 10,000 เมตรชาย, “หญิง” สุธาสินี เสวตรบุตร เทเบิลเทนนิส หญิงเดี่ยว, “ทิพย์” อรวรรณ พาระนัง เทเบิลเทนนิส หญิงเดี่ยว, “โอ๊ต” ณัฐพงษ์ โพธิ์นพรัตน์ วินด์เซิร์ฟ อาร์เอสเอ็กซ์ชาย, “อ้อย” อรสา เที่ยงกระโทก เรือแคนู 1 คนหญิง ระยะ 200 เมตร และ ศิวกร วงศ์พิณ กับ นวมินทร์ ดีน้อย เรือกรรเชียง 2 ชายพายคู่ รุ่นไลท์เวท
