เทรนด์โลกในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีผู้หญิงมากมายทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย ปรับเปลี่ยนอาหารการกินเพื่อสุขภาพและรูปร่างที่ดี เป็นที่ยอมรับของคนรอบข้าง ซึ่งหลายคนเมื่อมีรูปร่างที่สวยงามก็มีทางเลือกไปสู่เส้นทางอื่นเช่นถ่ายแบบ หรือเป็นเทรนเนอร์สอนออกกำลังกาย
กระนั้น หากมองไปที่ผู้หญิงอีกกลุ่มหนึ่งที่ประกอบอาชีพเป็น "นักเพาะกาย" มีกล้ามโตแบบผู้ชาย ก็จะได้รับการปฏิบัติตรงกันข้าม แม้แต่ในกลุ่มประเทศเสรีอย่างยุโรป คนกลุ่มนี้มักถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยาม ทำนองเห็นนักเพาะกายหญิงเป็นตัวประหลาด ไม่เข้าพวก
เรเน่ แคมป์เบล นักเพาะกายหญิงชาวอังกฤษ และคุณแม่ลูกสอง ประสบความสำเร็จในกีฬาอาชีพนี้ หลังปั้นหุ่นลงประกวดรายการต่างๆ จนคว้าแชมป์การแข่งขันมากมาย ด้วยการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อร่างกายจากไซส์ 8 เป็นไซส์ 14 จนตอนนี้มีรูปร่างกำยำ น้ำหนักอยู่ที่ 85 ปอนด์ (ประมาณ 39 กก.)
นักเพาะกายหญิงวัย 44 ปี บอกว่าที่ผ่านมานักเพาะกายหญิงไม่เพียงแต่ต้องรักษาความมั่นคงทางวินัย กิน อยู่ หลับ นอน ยังต้องรับมือกับเสียงวิจารณ์จากผู้คนในสังคม โดยเฉพาะพวกที่มีทัศนคติว่าผู้หญิงต้องหุ่นดี ผอมเพรียว ไม่ใช่เต็มไปด้วยกล้ามเหมือนนักเพาะกายผู้ชาย
"ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัยเท่าไหร่เกี่ยวกับภาพลักษณ์รูปร่างที่คนส่วนใหญ่มองมา ในฐานะคนทั่วไป ขณะเดียวกัน ค่านิยมที่ว่าผู้หญิงต้องมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบคนปกติ มันทำให้รู้สึกกดดันอยู่ตลอดเวลา" เรเน่ เปิดใจเล่า
การเป็นนักเพาะกายส่งผลให้ เรเน่ มีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน เธอเคยถูกล้อเลียนว่าเป็นตัวประหลาด โดนผู้หญิงเพศเดียวกัน กีดกันไม่ให้เข้าไปใช้ห้องน้ำหญิง ไล่ไปเข้าห้องน้ำชายแทนเพราะมีหุ่นเหมือนผู้ชาย แม้จะอธิบายว่าเป็นผู้หญิงด้วยกันแต่ก็ถูกมองด้วยสายตารังเกียจ
ด้านของ ดร.ทันย่า บันเซลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมวิทยา ที่ตอนนี้ก็ผันตัวเองมาเล่นเพาะกายเหมือนกัน กล่าวเสริมว่าในทัศนคติของคนส่วนใหญ่ นักเพาะกายคือกีฬาของผู้ชาย แม้ผู้หญิงก็เล่นได้ แต่ถ้าไม่ใช่สนามแข่งขันก็ไม่มีพื้นที่ให้พวกเธอแสดงออกมากนัก นิตยสารต่างๆ ถ้าไม่ใช่แนวเพาะกายก็ไม่สนใจติดต่อมาเพราะต้องการผู้หญิงหุ่นดีมาขึ้นปกมากกว่า
อีกเรื่องหนึ่งที่เหล่านักเพาะกายทั้งชาย-หญิง ถูกตั้งคำถามมาตลอดคือเรื่องการใช้สเตียรอยด์สร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งเคยมีหลายกรณีที่นักเพาะกายบางคนใช้สเตียรอยด์เป็นทางลัดในการปั๊มกล้าม กระนั้น เรเน่ บอกว่าก่อนแข่งทุกคนจะเข้ารับการตรวจร่างกายตลอด หาดูว่ามีสเตียรอยด์ในร่างกายหรือไม่ คนที่ไม่ผ่านส่วนใหญ่คือพวกผู้หญิง ที่ไม่มีน้ำอดน้ำทนในการปั้นกล้ามมากพอ
อย่างไรก็ตาม แม้การเปลี่ยนทัศนคติคนอื่นจะเป็นเรื่องยาก แต่อย่างน้อย เรเน่ ก็บอกว่าการเล่นเพาะกายก็ทำให้เธอมีร่างกายที่แข็งแรง สุขภาพดี และมีเวลาดูแลลูกได้เต็มที่ ไม่ต้องเจ็บปวดออดแอดเหมือนคนปกติ ส่วนการเปลี่ยนมุมมองคนรอบข้างก็คงต้องใช้เวลากันพอสมควร
