“การุณ”ป้อง“สุดารัตน์”ปม“พิชัย”แชร์บทความพ่ายสนามเลือกตั้งท้องถิ่น

นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กกรณี นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แชร์บทความการแพ้เลือกตั้งนายก อบจ.ในจังหวัดที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ลงไปช่วยหาเสียง ระบุว่า พูดด้วยความรักพรรคเพื่อไทย

ในฐานะที่ผมเป็น ส.ส.และเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทย ผมขอวิจารณ์การกระทำของคุณพิชัย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคฯครับ

การที่คุณพิชัยนำเอาข่าวแบบนี้มาแชร์ มันแสดงออกถึงความคิดและนิสัยหลายๆอย่างในตัวคุณพิชัย

1.ไม่มีสปิริต คุณหญิงหน่อย ตอนท่านอยู่ในพรรคฯ ท่านก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงลงพื้นที่ให้พรรคฯมาตลอด ทั้งในสนามเลือกตั้งใหญ่ที่พรรคฯได้ ส.ส.มาร้อยกว่าคน ท่านลุยไปทุกที่ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าพรรคฯ ได้ ส.ส.เขตเยอะ ตัวเองจะไม่ได้เข้าสภาฯ แต่ท่านก็มีสปิริตพอที่จะช่วยพี่น้องเราและพรรคของเราให้ประสบความสำเร็จมากที่สุด

วันนี้ถึงท่านจะออกจากพรรคฯ ไปแล้ว ท่านก็ไม่เคยหันหลังกลับมาว่า พรรคฯ เลยสักครั้ง และยังมีน้ำใจไปช่วยเป็นกำลังเสริมให้กับผู้สมัครฯในหลายจังหวัดที่มีความผูกพันกัน

ผมขอถามว่าคุณหญิงฯ ผิดอะไร คนเราในเมื่อทำงานด้วยกันไม่ได้ โดนบีบให้ต้องออกมาทั้งน้ำตา ก็เป็นเรื่องของโลกแห่งความเป็นจริง แต่สิ่งที่มีเหลืออยู่ให้กันก็คืออุดมการณ์ ความผูกพัน ความเป็นมืออาชีพและสปิริตที่ต้องมีต่อคนในบ้านหลังเก่า ซึ่งคุณหญิงฯได้แสดงออกมาหมดแล้ว แต่ผมไม่เห็นสิ่งเหล่านั้นในตัวคุณพิชัยเลย

2.ไม่มีความรับผิดชอบในหน้าที่
เรื่องของการเลือกตั้ง เรื่องแพ้ชนะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ละสนาม แต่ละช่วงเวลา ก็มีสถานการณ์และบริบทที่แตกต่างกัน และทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน การที่พรรคฯ ส่งผู้สมัครฯ 25 จังหวัด และชนะมา 9 ที่ ถ้าคุณพิชัยจะมองว่า เป็นความสำเร็จผมก็ไม่ว่า ส่วนเขตที่แพ้ผมเชื่อว่าก็ไม่มีคนในพรรคคนไหนเขาไปโทษคุณพิชัยหรือผู้บริหารพรรคฯ หรอก ชนะก็ชนะด้วยกัน แพ้ก็แพ้ไปด้วยกัน

แต่คนที่เป็นถึงรองหัวหน้าพรรคฯอย่างคุณพิชัย ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการบริหารการจัดการในการเลือกตั้งครั้งนี้กลับไปโทษคนที่เขาอุตส่าห์มีใจมาช่วย คำว่า “รับผิดชอบ” มันตรงตัวคือ รับทั้งผิด รับทั้งชอบ แต่คุณพิชัยกลับจะรับแต่ความชอบในเขตที่ชนะ ส่วนที่แพ้ก็ไปโยนบาปให้คนที่เขามาช่วยโดยไม่มีผลประโยชน์ แบบนี้เขาเรียกว่าไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่

สิ่งที่คุณพิชัยทำ ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกันครับ ลองถามตัวเองดูนะครับว่านอกจากความสะใจส่วนตัวแล้ว ใครได้อะไร พรรคได้อะไร ในการกระทำแบบนี้

ผมเป็นนักกีฬาอาชีพที่ยังเล่นอยู่สโมสรพรรคเพื่อไทยและไม่เคยคิดที่จะย้ายสโมสร