xs
xsm
sm
md
lg

มองลอดรั้วเพื่อไทย แพ้-เละ พอกัน !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายทักษิณ ชินวัตร  นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ และ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร
เมืองไทย 360 องศา



จะว่าไปแล้วผลจากการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ. ที่เพิ่งผ่านพ้นไป เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา ได้สร้างผลสะเทือนให้กับบางพรรคการเมือง และบางกลุ่มการเมืองไม่น้อยเหมือนกัน ขณะเดียวกัน ก็ได้เห็นความขัดแย้งที่ร้าวลึกจนยากที่จะประสานเป็นเนื้อเดียวกันได้ดังเดิมอีกต่อไป ตรงกันข้ามเชื่อว่าอีกไม่นานก็จะได้เห็นเส้นทางเดินข้างหน้าที่จะออกมาในแบบ “ทางใครทางมัน” แน่นอน

ที่ผ่านมา ได้เห็นความจริงที่ต่างจาก “โลกโซเชียล” อย่างสิ้นเชิง ก็คือ ความพ่ายแพ้แบบ “หมดท่า” ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ “คณะก้าวหน้า” ส่งผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศถึง 42 คน และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอีกนับพันคน

ตอนแรกหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับฐานรากให้ได้ พร้อมๆ กับการเคลื่อนไหวคู่ขนานกับ “ม็อบสามนิ้ว” ที่สร้างกระแสปั่นป่วนมานานนับเดือน แต่ผลที่ออกมาอย่างที่รับรู้กันไปทั่วแล้ว ก็คือ “แพ้เรียบ” และ “แพ้ขาด” แบบไม่มีลุ้นแม้แต่จังหวัดเดียว เพราะที่คะแนนมาที่สองก็จริง แต่ตามหลังผู้ชนะที่คะแนนทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น แต่อย่างไรก็ดี โชคยังดีที่เป็นช่วงโรคระบาด โควิด-19 รอบใหม่ สามารถใช้ข้ออ้างกักตัว 14 วัน พอได้หลบหน้าหลบตาผู้คนไปได้พักหนึ่ง

แต่ที่น่าจับตาไม่แพ้กัน ก็คือ ความเคลื่อนไหวในพรรคเพื่อไทย ที่ยังมีแนวโน้มความขัดแย้งรุนแรงต่อเนื่อง แม้ว่าการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจบไปแล้วก็ตาม เพราะล่าสุดได้เกิดการปะทะคารมกันแบบไม่ไว้หน้ากันอีกต่อไป อย่างน้อยก็ไม่ได้ปิดบังกันแล้ว หลังจากได้เห็นการโจมตีตอบโต้ผ่านทางโซเชียล

แม้ว่าคราวนี้เป็นการตอบโต้กันในระดับ “ตัวแทน” ก็ตาม โดยฝ่ายแรก ก็คือ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเจ้าเก่า ที่ก่อนหน้านี้ หากจำกันได้ เคยตำหนิโจมตี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ที่ไปช่วยหาเสียงให้กับนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครชิงนายก อบจ.อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไปลงสมัครอิสระในนามกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม จนเกิดวิวาทะตอบโต้กันอย่างรุนแรง ถึงขั้นมีการกล่าวหาพาดพิงไปถึง “เจ๊อัปรีย์” บางคนมาแล้ว

อีกทั้งก่อนหน้านั้น นายทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวของเขา ถึงกับต้องออกแรงเองเป็นครั้งแรก ทำทุกทางเพื่อให้พี่น้องคนเชียงใหม่สนับสนุนเลือก นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครที่พรรคเพื่อไทยส่งลงสมัคร

แม้ว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมานายพิชัย จะได้รับชัยชนะก็ตาม แต่ก็อย่างว่าในทางการเมืองถือว่า นายทักษิณ เพียงแค่ “เสมอตัว” เท่านั้น เพราะหากผลออกมาในทางตรงข้าม ก็ลองหลับตาเอาก็แล้วกันว่าจะเสียหายขนาดไหน ขนาดทุ่มเทออกกำลังกันขนาดนี้คะแนนที่ได้ก็ชนะกันไม่ขาด สะท้อนให้เห็นว่า บารมีลดลงอย่างฮวบฮาบ

ขณะเดียวกัน เมื่อมองกันแบบต่อเนื่องที่ล่าสุดก็มีการเปิดศึกแบบตัวแทน หรือที่เรียกว่าระดับ “ลิ่วล้อ” ที่คราวนี้ยังเป็น นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เจ้าเก่าที่คิดจะ “เอาใจนายใหญ่” ได้โพสต์เยาะเย้ยฝ่ายตรงข้ามที่แยกวงออกไปแล้วว่า “ส่อง 4 สนามหน่อยหาเสียง พท.พ่ายเรียบ” ซึ่งก็หมายถึงทุกจังหวัดที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ที่ได้ยกขบวนลาออกไปแล้ว แต่ที่ผ่านมา ได้ไปช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครนายก อบจ.ในหลายจังหวัดทางภาคอีสานด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่จากข้อมูลดังกล่าวของนายพิชัย ก็หมายความว่า สอบตกหมด

อย่างไรก็ดี จากข้อความที่โพสต์ลงในโลกโซเชียล ก็ทำให้ นายการุณ โหสกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งถือว่าเป็นคนใกล้ชิดกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็ได้โพสต์ตอบโต้ นายพิชัย อย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน โดยระบุว่า ไม่มีสปิริต ไม่มีความรับผิดชอบ รวมทั้งไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย เป็นต้น

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทย ทำให้เห็นว่าเป็นรอยแยกที่ไม่มีทางประสานกันได้ เพียงต่างรอจังหวะที่จะมี “เลือดไหล” ออกไปอีกชุดใหญ่ เมื่อถึงเวลาใกล้เลือกตั้งใหม่ โดยเฉพาะพวกที่ยังมีสถานะเป็น ส.ส. และจากข้อมูลที่ออกมาจากปากของนายการุณ โหสกุล เองที่ระบุว่าพรรคเพื่อไทย ส่งผู้สมัครชิงเก้าอี้ นายก อบจ.25 จังหวัด แต่ได้มา 9 จังหวัด นั่นแสดงให้เห็นว่า พ่ายแพ้ถึง 13 จังหวัด ซึ่งหากพิจารณาให้ดี จะเห็นว่าพื้นที่ส่งลงสมัครย่อมต้องเป็นพื้นที่ที่สำคัญ เป็นพื้นที่ฐานเสียงหลัก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และอีสาน

เมื่อพิจารณาจากความเป็นจริงเท่าที่เห็น มันก็สะท้อนให้เห็นถึงความ “ถดถอย” อย่างรุนแรง ทั้งบารมีของ “นายใหญ่” อย่าง นายทักษิณ ชินวัตร และฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยที่แตกกระสานซ่านเซ็น แตกแยกกันยับ และผลจากการเลือกตั้งนายก อบจ.คราวนี้ ยิ่งทำให้แตกลึกลงไปอีก เพราะแม้แต่ภาคเหนือ และภาคอีสาน ส่งสมัคร 25 ได้มาแค่ 9 จังหวัด แบบนี้ถือว่า เสียหายหนัก

ดังนั้น หากพิจารณาจากภาพที่เห็นในพรรคเพื่อไทย ถือว่า “เละ” ไม่ต่างกัน เพราะผลจากการเลือกตั้งนายก อบจ. และได้เห็นภาพความขัดแย้งภายในที่ยังหนักหนา อีกทั้งบารมีของนายทักษิณ ชินวัตร ที่เคยขายได้ เคยชี้นกเป็นไม้ แต่นาทีนี้ ไม่ได้ผลเต็มร้อยแล้ว !!



กำลังโหลดความคิดเห็น