หลังจากสโมสร โอเอช ลูเวิน ที่เพิ่งเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด เบลเยียม เป็นฤดูกาลแรก ด้วยการมีผลงาน ลงแข่งขัน 9 นัด ชนะ 4 นัด เสมอ 3 และ แพ้ 2 นัด ยิงได้ 15 ประตู เสีย 14 ประตู มี 15 คะแนน รั้งอันดับ 7 ของตารางคะแนน จากทั้งหมด 18 ทีม
นอกจากนี้ผลงานของ โอเอช ลูเวิน ในฤดูกาลแรกยังจัดว่าน่าพอใจ เมื่อมีคะแนนตามหลัง คลับ บรูก จ่าฝูงที่แข่งเท่ากันเพียงแค่ 4 แต้มเท่านั้น
ทั้งนี้ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรฟุตบอลโอเอช ลูเวิน พูดถึงจุดเริ่มต้นของฤดูกาล 2020/21หลังจากที่โอเอช ลูเวิน ผ่านเข้าสู่รอบ 6 ในเกมโครกี้ คัพ และกำลังทำผลงานได้ดีในศึกฟุตบอลจูปิแลร์ โปรลีก ว่า
ปี 2020 เป็นปีที่ไม่ง่ายเลยของสโมสร เราแทบไม่รู้ล่วงหน้าว่าเราจะได้ลงแข่งขันในรายการไหนระหว่าง พร็อกซิมุสลีก และจูปิแลร์ โปรลีก ดังนั้นเราจึงมีเวลาเตรียมทีมน้อยมาก เราต้องภาคภูมิใจกับการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ของเรา เรารู้ว่าโอเอช ลูเวิน มีศักยภาพที่จะลงเล่นในลีกสูงสุดได้ อย่างไรก็ตาม มันเป็นเพียงการเริ่มต้น และเรายังคงต้องทำงานหนักเพื่อพัฒนาและเติบโตในระยะยาว
ชัยชนะ 4 เกม จาก 9 เกมแรกในลีก ทำให้เรามีความมั่นใจ แต่ยังมีอุปสรรคหลายอย่างที่ยังคงรอเราอยู่ข้างหน้า แต่ทีมของเราก็พิสูจน์แล้วว่า เราต้องไม่กลัวใคร ผมยังคงมองไปข้างหน้าหลังจากการเริ่มต้นได้ดีใน 9 นัดแรก
ในช่วงฤดูร้อนทางสโมสรต้องพบเจอกับความไม่แน่นอน ทำให้เราต้องประสบกับปัญหาในตลาดซื้อขายนักเตะพอสมควร อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าเราได้ปรับปรุงทีมของเราไปในทิศทางที่ถูกต้อง ทีมงานของเราทุ่มเทการทำงานไปกับการเสริมทัพนักเตะในฤดูกาลใหม่นี้ และพวกเขาควรได้รับคำชมเชย อย่างไรก็ตาม การทำงานหนักของเรายังไม่จบ นี่คือการดำเนินการที่ต้องอาศัยการวัดผลอย่างต่อเนื่อง และการวางแผนในระยะยาว ผมมีความมั่นใจในทีมงานของเรา และความร่วมมือจากครอบครัว คิง เพาเวอร์ ทำให้ผมมีความสุข บางดีลเกิดขึ้นระหว่างเลสเตอร์ ซิตี้ และโอเอช ลูเวิน ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองสโมสร
หลังจากตลาดซื้อขายนักเตะจบลง ความหลากหลายในห้องแต่งตัวมีมากขึ้น เรามีนักฟุตบอลจาก 14 ประเทศ 5 ทวีปอยู่ในทีมของเรา ทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมของแต่ละคน จุดแข็งของฟุตบอลคือการนำทุกคนมารวมกัน ไม่ว่าพื้นเพของพวกเขาจะเป็นอย่างไร และเมื่อพวกเรามีนักเตะจากชาติต่างๆ ที่หลากหลาย น่าจะทำให้เรามีโอกาสพัฒนาในส่วนต่างๆ ของสโมสรมากขึ้น
การสร้างทีมในระยะยาว จำเป็นต้องอาศัยการทำงานหนักจากกลุ่มนักเตะและทีมโค้ช ขณะเดียวกัน เราก็ต้องการเวลาที่จะบ่มเพาะทุกสิ่งให้ผลิดอกออกผลในสนาม ในทุกเกม คุณจะเห็นการทำงานที่ลงตัวมากขึ้นระหว่างมาร์ค บรีส์ และทีมของเขา เขาไม่ต้องทำงานหนักเหมือนตอนแรก เพราะกลุ่มนักเตะต่างก็เข้าใจวิธีการเล่นของเขามากขึ้น ซึ่งความก้าวหน้าส่วนนี้ก็มาจากการทำงานหนักในสนามซ้อมทุกวัน ผมเชื่อว่า หากเรามองไปข้างหน้าในระยะยาว เราจะเติบโตไปไกลกว่านี้ได้อีกมาก
ผมยังคงคาดหวังกับการเห็นแฟนบอลในคิง เพาเวอร์ แอท เดน ดรีฟ ซึ่งเป็นสัญญาณที่หมายความว่าโลกฟุตบอลจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ผมต้องขอบคุณแฟนบอลทุกคน สำหรับความร่วมมือที่ให้กับภาครัฐมาอย่างสม่ำเสมอ โชคร้ายที่จำนวนผู้ติดเชื้อในเบลเยี่ยมยังคงไม่ลดลง ดังนั้น มาตรการต่างๆ อาจต้องนำกลับมาหารือกันในอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่จะถึงนี้ และจนกว่าจะมีข้อสรุป เราเพียงแต่หวังให้แฟนบอลได้เข้ามาชมเกมอย่างปลอดภัย ผมขอรณรงค์ให้แฟนบอลทุกคนทำตามกฎ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้อื่น
สโมสรของเรา กำลังเดินไปข้างหน้า เพื่อให้เราได้พบกับโลกของฟุตบอลที่เราคุ้นเคยอีกครั้ง เราต้องมั่นใจว่า เราจะไม่ข้ามขั้นตอนใดๆ นั่นคือสาเหตุที่ผมต้องรณรงค์ให้ทุกคนปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ อย่างละเอียด ซึ่งนั่นเป็นวิธีที่ทำให้เราสามารถนำแฟนบอลกลับมาสู่สนามได้โดยเร็วที่สุด เรามีช่วงเวลาที่วิกฤตในช่วงต้นฤดูกาล อย่างไรก็ตาม เราต้องทำให้มั่นใจว่า แฟนบอลจะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของเกมฟุตบอลเสมอ แต่ความปลอดภัย ยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด