คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
ระหว่างกำลังปั่นต้นฉบับอยู่นี้ คงไม่มีสิ่งใดของวงการกีฬาจะฮือฮาเทียบเท่า กรณีกระแส ลิโอเนล เมสซี จอมทัพเล็กพริกขี้หนูแห่ง บาร์เซโลนา ยื่นขอย้ายทีมเรียบร้อยแล้ว อย่างที่แฟนๆ ลูกหนังต่างรู้ว่า จะมีสักกี่สโมสรซึ่งสามารถดึง เจ้าของรางวัล “บัลลง ดอร์” 6 สมัย ร่วมทีมได้ นอกเสียจาก ปารีส แซงต์ แชร์แมง , แมนเชสเตอร์ ซิตี , แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , อินเตอร์ มิลาน และ ยูเวนตุส บางสำนักข่าวอาจพ่วง เชลซี ของ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย แต่ดูเหมือนซัมเมอร์นี้ “เสี่ยหมี” ก็น่าจะมีรายจ่ายก้อนโตอยู่แล้ว จะร่วมวงแย่งด้วยคงไม่ไหวกระมัง
สัปดาห์ที่แล้ว เคยชี้จุดอ่อนของ บาร์เซโลนา เปรียบเสมือน มิลวอคกี บัคส์ ทีมสถิติดีสุดของ บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ซึ่งถูกมองเป็น “วัน แมน ทีม” เนื่องจากมี เมสซี กับ ยานนิส อันเตโตคุมโป ฟอร์เวิร์ดชาวกรีซ คอยแบกทีม สำหรับ “เจ้าบุญทุ่ม” ขาดแคลนผู้รับบทจอมทัพแดนกลางดังเช่น ชาบี เฮร์นานเดซ คอยขับเคลื่อนเกม อำนวยความสะดวกแก่ เมสซี ลากเลื้อยอย่างเมามัน แต่อีกประเด็นหนึ่ง คือ ผู้บริหารมัวแต่ยึดติดกับการเฟ้นหาตัวแทน เนย์มาร์ จูเนียร์
ยักษ์ใหญ่แห่งคาตาลัน ผลาญเงินเกือบ 400 ล้านยูโร เพียงเพื่อหาคนมาประสานงานกับ เมสซี และ หลุยส์ ซัวเรซ แทน กองหน้าเด็กแนวบราซิเลียน ที่ถูกปล่อยให้ “เปแอสเช” ซึ่งผลตอบแทน ณ เวลานี้ ต้องบอกว่า แลกมากับความล้มเหลวทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น อุสมาน เดมเบเล 125 ล้านยูโร , อองตวน กรีซมันน์ 120 ล้านยูโร และ ฟิลิปเป คูตินโญ อีก 145 ล้านยูโร นี่ยังไม่รวมดาวรุ่งอย่าง เฟรนกี เดอ ยอง มิดฟิลด์ที่ซื้อมาจาก อาแจ็กซ์ 75 ล้านยูโร ที่ผลงานก็ยังไม่เข้าตา
ไม่ใช่ว่าจะมาทำตัวเก่งหลังเกม แต่นั่นอาจบอกได้ว่า การปล่อย เนย์มาร์ ย้ายไป ปารีสฯ ด้วยสถิติแพงสุดของโลก คือ จุดเริ่มต้นของความตกต่ำ วันนั้นถ้าเกิดมีใครพูดแบบนี้ คงจะถูกตอกกลับมาว่า บ้าแน่ๆ ขายนักเตะคนหนึ่งได้เงินหลายร้อยล้าน บวกกับชื่อเสียงของสโมสร มันจะทรุดลงได้อย่างไร พอมาถึงวันนี้ มันคือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนด้วยผลงานถูก รีล มาดริด คู่อาฆาตตลอดกาล ปาดหน้าแย่งแชมป์ ลา ลีกา สเปน 2019-20 และพ่าย บาเยิร์น มิวนิก ย่อยยับ 2-8 ศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย
ตลาดนักเตะยุคปัจจุบัน เกิดความฟุ้งเฟ้อ เนื่องจากการย้ายทีมของ เนย์มาร์ ตอนนี้หากเราติดตามข่าว พวกแข้งเกรด B หรือ B+ อย่าง เจมส์ แมดดิสัน หรือ แจ็ค เกรียลิช ยังต้องใช้เงินราวๆ 70-80 ล้านปอนด์ เป็นต้น ทำให้หลายๆ สโมสรเริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายการเสริมทัพ ยกตัวอย่าง บาเยิร์นฯ หรือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2 โคตรทีม บุนเดสลีกา เยอรมัน รวมถึง รีล มาดริด ที่ทุกๆ รอบการซื้อ-ขาย ต้องมีระดับซูเปอร์สตาร์มาชูเสื้ออย่างน้อย 1 คน
ช่วง 2-3 ปีล่าสุด บาเยิร์นฯ ที่เพิ่งแจ้งเกิด อัลฟอนโซ เดวีส อย่างเต็มตัวซีซันนี้ เน้นซื้อนักเตะอายุน้อยๆ ราคาย่อมเยา เพื่อสามารถเป็นกำลังสำคัญระยะยาว อาทิ เบนจามิน ปาวาร์ด, โจชัว คิมมิช , ลูคัส เฮร์นานเดซ ขณะที่ ดอร์ทมุนด์ กวาดนักเตะเยาวชนจากอะคาเดมี หรือดาวรุ่งขั้นเทพมาปลุกปั้นอย่าง จาดอน ซานโช และรายล่าสุด คือ จูด เบลลิงแฮม และ มาดริด อาจใช้วิธีแตกต่างกันเล็กน้อย คือ ปล่อยเยาวชนย้ายไปพิสูจน์ฝีเท้าสโมสรอื่นๆ แล้วพ่วงอ็อปชันดึงกลับ หากผลงานโดดเด่น
ดังนั้น “บาร์ซา” คือ ภาพหลอนเดิมๆ ของสาวก ลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งเคยทุ่มเงินหวังท้าชิงแชมป์ยุค เดวิด โอ'เลียรี นั่งเก้าอี้กุนซือ พอผลงานไม่เข้าเป้า ก็ประสบปัญหาการเงินจนต้องเวียนว่ายอยู่ เดอะ แชมเปียนชิป กับ ลีก วัน รวม 16 ปี หรือดังเช่น เอซี มิลาน พอสิ้นยุค กาก้า เทพบุตรลูกหนังแดนแซมบ้า พวกเขาก็ตกต่ำแบบเหลือเชื่อจนกระทั้งหมดสิ้นศักดิ์ศรี แชมป์ยุโรป 7 สมัย กลายเป็นทีมกลางตาราง ลุ้นได้เพียงพื้นที่ ยูโรปา ลีก ถึงจุดนี้บอกเลยว่า บาร์ซา กำลังเดินทางมายังจุดเดียวกัน และน่าจะวิกฤติสโมสร น่าจะเกินกว่าความสามารถ โรนัลด์ คูมัน เทรนเนอร์ที่เคยคุมแต่ทีมระดับกลางๆ จะกอบกู้ไหว
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ NBA น่ะหรือ?? ไม่ต้องนึกย้อนไปไกล หากคุณยังจำ บรูกลิน เน็ตส์ ยุค 2010 ต้นๆ พวกเขาเคยมีทั้ง เดรอน วิลเลียมส์ , เควิน การ์เน็ตต์ , พอล เพียร์ซ และ โจ จอห์นสัน หรือ แอลเอ เลเกอร์ส ที่มี เพา กาซอล , เมตตา เวิลด์ พีซ , โคบี ไบรอันท์ และ สตีฟ แนช รวมถึง ฮูสตัน ร็อคเก็ตส์ ยุค 90 ปลายๆ ที่มี ชาร์ลส บาร์กลีย์ , ฮาคีม โอลาจูวอน และ ไคลด์ เดร็กซ์เลอร์ 3 ผู้เล่นระดับ ฮอลล์ ออฟ เฟม แต่บทสรุปทั้งหมดนี้ คือ ซูเปอร์ ทีม ที่ล้มเหลวทั้งสิ้น
หากลองเปรียบเทียบ โตรอนโต แร็พเตอร์ส แชมป์เก่า พวกเขามีปรัชญาด้านการเฟ้นหาผู้เล่นตลาดล่างมาปลุกปั้น อาทิ ปาสคาล เซียแคม เด็กหนุ่มจากแคเมอรูน และ เฟร็ด แวน วลีต ผู้เล่นที่ไม่ถูกดราฟต์ กระทั่งกลายเป็นทีมระดับหัวแถวของสายตะวันออก แล้วเติมเต็มด้วยซูเปอร์สตาร์อย่าง คาไว เลียวนาร์ด พวกเขาก็สามารถหยิบโทรฟี “แลร์รี โอ'ไบรอัน” สมัยแรกของแฟรนไชส์มาได้ และนั่นคือสิ่งที่พิสูจน์ว่า เงินจ้างนักกีฬาเก่งๆ และค่าเหนื่อยแพงๆ ได้ แต่ซื้อความสำเร็จไม่ได้ แต่ก็ต้องรู้จักบริหารอย่างชาญฉลาด