คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
นอกจากโดน โคโรนาวายรัส เล่นงานจนช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สเปน ต้องสังเวยชีวิตผู้คนไปจำนวนมากกว่า จีน ชาติต้นกำเนิดของเชื้อโรคเสียอีก โดยในทวีปยุโรปนั้น ถือว่าเป็นรองแค่ อิตาลี เท่านั้น ซึ่งในปัจจุบัน จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศยังติด 10 อันดับแรกของโลก โดยตัวเลขเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อ 359,082 คน และเสียชีวิต 28,646 คน เราก็คงทราบดีว่า โรคระบาดมันส่งผลต่อเศรษฐกิจ ตลอดจนกิจกรรมในวงการต่างๆไปหมด ไม่ว่าจะเป็นทางสังคม วัฒนธรรม กีฬา และอื่นๆ ซึ่ง สเปน ก็เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างแรงทีเดียว
กษัตริย์ ฆวน การโล้ส แห่ง สเปน ก็ดันมีเรื่องช็อคโลกทุจริตรับเงินทอนจากการสร้างรถไฟความเร็วสูงใน ซาอูดี อาราเบีย ซึ่งกฎหมายไม่ให้สิทธิ์คุ้มกันแล้ว เนื่องจากสละราชสมบัติไปแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2014 จึงต้องหนีไปซุกใต้ปีกของ สหรัฐ อาหรับ เอมีเรทส์
เรื่องของฟุตบอลกีฬายอดนิยมของโลก ทีมสโมสรจาก สเปน ก็ทำผลงานอยู่แถวหน้าของทวีปยุโรปตลอดมานับตั้งแต่ ฤดูกาล 2007-8 โดยได้เข้ารอบรองชนะเลิศใน ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็น 4 ทีมสุดท้ายมาอย่างต่อเนื่องตลอด 12 ฤดูกาล บางฤดูกาลหลุดเข้ามาทีมเดียว บางฤดูกาลหลุดเข้าไป 2 ทีม เข้าชิงชนะเลิศกันเองก็มี สุดท้ายสโมสรจาก สเปน สามารถคว้าแช้มพ์ได้ถึง 7 หน
ฤดูกาล 2007-8 บารเซโลนา หลุดเข้าไปทีมเดียว เจอกับ 3 ทีมจาก อังกฤษ ทั้ง แมนเช้สเต้อร์ ยูนายเถ็ด ลิเว่อร์พูล และ เช็ลซี ปีนั้น แมน ยูฯ ได้แช้มพ์โดยชนะดวลจุดโทษกับ เช็ลซี ฤดูกาล 2008-9 บารซา ยังหลุดเข้าไปทีมเดียว เจอกับ 3 ทีมจาก อังกฤษ แมน ยูฯ เช็ลซี และ อาร์เซน่อล แต่ปีนี้ บารซา ได้แช้มพ์โดยชนะ แมน ยูฯ ในนัดชิงชนะเลิศ 2-0 ฤดูกาล 2009-10 บารซา ยังคงหลุดเข้าไปทีมเดียวอีก และแพ้ อินเตรนาซิโอนาเล อดเข้าชิง และทีมจาก อิตาลี คว้าแช้มพ์โดยเอาชนะ บาแยร์น 2-0 ฤดูกาล 2010-11 บารซา เจอกับ เรอัล ในรอบรองฯ และ บารซา ไปถึงแช้มพ์โดยเอาชนะ แมน ยูฯ 3-1
ฤดูกาล 2011-12 ทั้ง เรอัล มาดริด และ บารซา เข้ามารอบ 4 ทีมอยู่คนละซีก แต่อดเข้าชิงฯทั้งคู่ สุดท้าย เช็ลซี คว้าแช้มพ์โดยชนะดวลจุดโทษกับ บาแยร์น มึนเชิ่น ฤดูกาล 2012-13 เรอัล กับ บารซา เข้ารอบ 4 ทีมอยู่คนละซีกและวืดทั้งคู่อีกแล้ว สุดท้าย บาแยร์น ได้แช้มพ์โดยชนะ ดอร์มมุนด์ 2-1 ฤดูกาล 2013-14 ปีนั้น 2 ทีมจาก มาดริด เข้ารอบ 4 ทีมอยู่คนละซีก เรอัล เขี่ย บาแยร์น ร่วง ส่วน อั๊ตเลตีโก เขี่ย เช็ลซี ตกรอบ สุดท้าย เรอัล ได้แช้มพ์โดยชนะ อั๊ตเลตีโก 4-1 ฤดูกาล 2014-15 บารซา กลับมายิ่งใหญ่ เข้ารอบรองฯ พร้อมกับ เรอัล แต่ บารซา เป็นทีมเดียวที่ได้เข้าชิงฯ และเอาชนะ ยูเว็นตุส 3-1 คว้าแช้มพ์ปีนั้นไปครอง
ฤดูกาล 2015-16 ทั้ง 2 ทีมจาก มาดริด เข้ารอบรองฯ อีก อยู่คนละซีก และได้เข้าชิงฯ กันเอง เรอัล เริ่มตำนานแช้มพ์ 3 สมัยซ้อนกับ ซีเนดีน ซีดาน โดยชนะดวลจุดโทษกับ อั๊ตเลตีโก ฤดูกาล 2016-17 คราวนี้ 2 ทีมจาก มาดริด เจอกันเองในรอบ 4 ทีม สุดท้าย เรอัล ได้เข้าชิงฯ และไปถึงแช้มพ์ด้วยการเอาชนะ ยูเว็นตุส 4-1 ฤดูกาล 2017-18 เรอัล ที่นำโดย ซีดาน หลุดเข้ารอบรองฯ ทีมเดียว คว่ำ บาแยร์น และคว้าแช้มพ์ 3 สมัยซ้อนได้สำเร็จโดยเอาชนะ ลิเว่อร์พูล 3-1 และฤดูกาลที่แล้ว 2018-19 บารซา เข้ารอบรองฯ ทีมเดียว แต่อดเข้าชิงเพราะโดน ลิเว่อร์พูล เขี่ยตกรอบ สุดท้าย ลิเว่อร์พูล ได้แช้มพ์ โดยชนะ ท้อทแน่ม ฮ้อทสเปอร์ 2-0
ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลล่าสุด นับเป็นครั้งแรกที่ในรอบ 4 ทีมสุดท้าย ไม่มีสโมสรจาก สเปน หลุดรอดเข้ามาได้เลย ทีมกระทิงดุมาไกลที่สุดเพี่ยงแค่รอบ 8 ทีม โดย อั๊ตเลตีโก มาดริด พลิกล็อคถูกทีมโนเนม ไล้พ์ซิช เขี่ยตกรอบ ในขณะที่ บารซา ยิ่งทำผลงานอัปยศที่สุด แพ้ บาแยร์น ด้วยสกอร์มโหฬาร 2-8 อันนี้เป็นการเสีย 8 ประตูเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่เคยแพ้ เซบีย่า 0-8 ในเกม โกปา เด็ล เรย์ รอบ 16 ทีม เมื่อปี 1946
บารซา ระส่ำหนัก นักเตะหลายคนเริ่มย้ายทีม รวมทั้ง ลิโอเน็ล เม้สซี่ ที่ร่วมทีมตั้งแต่ปี 2001 ยังออกปากกับบอร์ดบริหารขอย้ายออกเลย เนื่องจากทีมไม่ประสบความสำเร็จ ไม่มีใครบอกได้ว่าการปลด กีเก้ เซเตียน โค้ชที่เพิ่งเข้ามาคุมทีมหลังปีใหม่นี่เองจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่ แต่เท่าที่เห็น ปีนี้มันเป็นปีเฮงซวยของ สเปน จริงๆ ตั้งแต่ชนชั้นรากหญ้ายันกษัตริย์เลยครับ