คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
นั่งพักผ่อนหลังส่งต้นฉบับสัปดาห์ที่แล้ว อยู่ๆ เกิดนึกถึงเหตุการณ์ระเบิด ที่กรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ขึ้นมาได้ รวมถึงประเด็นว่า สตีฟ เคอร์ เฮดโค้ช โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส เกิดและเติบโตที่นั่น ก่อนเดินทางกลับมาศึกษาต่อ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงรู้สึกอยากเขกกะโหลกตัวเองเหลือเกินที่คิดได้ช้าเกินไปหน่อย เกี่ยวกับเหตุการณ์ฆาตกรรม มัลคอล์ม เอช. เคอร์ ซึ่งลูกชายไม่ค่อยเปิดเผยต่อสาธารณชนบ่อยนัก
วันที่ 4 สิงหาคม เหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่ ที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง กรุงเบรุต จนเกิดหลุมลึกประมาณ 43 เมตร มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก เป็นเหตุให้ฝูงชนลุกฮือขับไล่รัฐบาล เนื่องจากอนุญาตให้เก็บสารแอมโมเนียมไนเตรต ใกล้เขตที่อยู่อาศัยของประชาชน ล่าสุดฮัสซัน ดิอับ นายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการประกาศลาออกทั้งคณะ เรียบร้อยแล้ว
จริงๆ ก็ไม่อยากแซะ พรรคบางพรรครวบรวมนักการเมืองกลุ่มใหญ่ บ้างก็มีประวัติด่างพร้อย คิดแต่จะกอบโกยผลประโยชน์จากงบประมาณกอบกู้วิกฤติโรคระบาด กลายเป็นการเมืองน้ำเน่าแบบเดิมๆ รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ เช่น VIP อียิปต์ , ปล่อยให้จัดชกมวย จนมีผู้ติดเชื้อที่ประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว , หน้ากากอนามัยขาดแคลน ช่วงประชาชนกำลังแตกตื่น และอื่นๆ ก็ไม่เคยเห็นใครแสดงความรับผิดชอบอะไรเลย
เหตุสะเทือนขวัญ ที่กรุงเบรุต เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง มัลคอล์ม เอช. เคอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิภาคตะวันออกกลาง ถูกลอบยิงที่ศีรษะ 2 นัด โดยกลุ่มก่อการร้าย เมื่อปี 1984 ช่วงเกิดสงครามกลางเมืองเลบานอน (1975-1990) ซึ่ง สตีฟ บุตรชายวัย 18 ปี ณ เวลานั้น ทราบข่าว ขณะอยู่ที่หอพักนักศึกษา มหาวิทยาลัยอริโซนา ท่ามกลางบรรยากาศที่เพื่อนๆ และคนใกล้ชิดต่างทำอะไรไม่ถูก
สาเหตุการปลิดชีพ ศาสตราจารย์ มัลคอล์ม ตามคำบอกเล่าของเพื่อนสนิท ระบุว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสถานภาพ แต่เพราะว่า หน่วยนาวิกโยธิน และ สถานทูต สหรัฐอเมริกา ประจำกรุงเบรุต มีการรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ศาตราจารย์ มัลคอล์ม จึงตกเป็นเหยื่อ เนื่องจากเป็นนักวิชาการอ่อนแอ และเหตุผลที่มือปืนกระทำเช่นนี้ เพื่อกดดันชาวอเมริกันออกจากดินแดน
เรื่องราวดังกล่าว ถูกนำมาถ่ายทอดลงซีรีส์ “The Last Dance” ที่เคยเป็นกระแสฮิตของแฟนๆ บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ช่วงกักตัว การเสียชีวิตของ ศาสตราจารย์ มัลคอล์ม คือ สาเหตุสำคัญที่ สตีฟ ทุ่มเทให้กีฬายัดห่วงมากกว่าเดิม 3 เท่า เพื่อเยียวยาสภาพจิตใจอันบอบช้ำ ซึ่งความเข้มแข็งเหล่านั้น ทำให้ สตีฟ เป็นผู้เล่นและโค้ชที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งของวงการ
แฟนๆ บาสเกตบอล หรือ ชิคาโก บูลล์ส ยุคเกรียงไกร มักจดจำ สตีฟ เคอร์ ในฐานะจอมแม่น 3 คะแนน หรือฮีโร่ผู้คำรามต่อหน้าต่อตา ไมเคิล จอร์แดน ช่วงเวลานอก ขอรับหน้าที่ยิงฟิลด์โกลชี้ขาด เอาชนะ ยูทาห์ แจซซ์ 4-2 เกม รอบชิงชนะเลิศ เกม 6 ที่สนาม ยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ เมื่อปี 1997 และย้ายไปคว้าแชมป์อีก 2 สมัยของอาชีพกับ ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส
ด้วยเหตุนี้เวลา สหรัฐอเมริกา เกิดเหตุระทึกขวัญต่างๆ อาทิ กราดยิง หรือ ความอยุติธรรมต่อคนผิวสี สตีฟ เคอร์ จึงถูกผู้สื่อข่าวจ่อไมค์ขอความเห็นอยู่เสมอ ทั้งการเรียกร้องกฎหมายควบคุมอววุธปืน หรือ รณรงค์ต่อต้านการกดขี่คนเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน พิจารณาตามปูมหลังครอบครัว และเป็นบุคคลมีชื่อเสียงคนหนึ่ง ที่มีแนวคิดไม่ลงรอยกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน
