คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019-20 ยังไม่ทันจบรอบ 16 ทีม ค้างคาตรงนัดที่ 2 ของ 8 ทีมในสายล่างที่ความจริงต้องแข่งกันในวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา แต่ด้วยพิษ โคโรนาวายรัส ทำให้ต้องระงับการแข่งขัน แล้วเมื่อสถานการณ์เริ่มผ่อนคลายลง กิจกรรมต่างๆที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ ซึ่งรวมทั้งวัฒนธรรมและกีฬาจึงได้รับการพิจารณาให้กลับมาดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไขระมัดระวังเป็นพิเศษอย่างน้อยก็ไม่มีผู้ชมในสนาม สำหรับ ฟุตบอลถ้วยใหญ่ของ ยุโรป เฉพาะปีนี้ จะกลับมาโฉมใหม่ในชื่อ ฟายน่อล เอ้ท (Final 8) ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ หลายสิ่งหลายอย่างต้องถูกปรับเปลี่ยน แล้วจะมีทีมใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบจากสิ่งที่เปลี่ยนไปหรือไม่
เนื่องจากมีเวลาจำกัด การแข่งขันกลายเป็นนัดเดียวรู้เรื่อง ไม่มี เหย้า-เยือน และใช้สนามกลางที่ ปอรตูเกา ทั้งรอบ 8 ทีม รอบ 4 ทีม และนัดชิงชนะเลิศคือ เอ๊สตาดิโอ ดู สปอร์ท ลิชโบอา อี เบ็นฟีกา (Estádio do Sport Lisboa e Benfica) โดยมี เอ๊สตาดิโอ โชเซ อัลวาล้าด (Estádio José Alvalade) มาเสริมด้วย ส่วน อาตาตูรก์ โอลิมปิค สเตเดี้ยม (Atatürk Olympic Stadium) ที่ถูกกำหนดไว้เดิมให้เป็นสนามชิงชนะเลิศก็ย้ายไปใช้ในฤดูกาลหน้าแทน ในขณะที่รอบ 16 ทีมที่ตกค้าง 4 คู่นั้นก็จัดแข่งนัดที่ 2 ในวันที่ 7 และ 8 สิงหาคมนี้ โดยเป็นคิวของบ้านใครก็แข่งบ้านทีมนั้น อันนี้ก็คงไม่มีทีมใดได้ประโยชน์อันไม่พึงได้
เริ่มด้วยวันที่ 7 สิงหาคม ยูเว็นตุส-ลิอง (ลิอง ชนะนัดแรก 1-0) และ แมนเช้สเต้อร์ ซิตี้-เรอัล มาดริด (เรอัล มาดริด อยู่ในสถานการณ์ลำบากเพราะดันแพ้คาบ้านมาในนัดแรก) แล้ววันที่ 8 สิงหาคม บาแยร์น-เช็ลซี (นัดแรก เช็ลซี เละคาบ้านมาตั้ง 3-0 น่าจะหมดหวัง) อีกคู่คือ บารเซโลนา-นาโปลี (บารซา บุกไปเสมอในนัดแรกแบบมีสกอร์มา 1-1) แม้ว่า 8 ทีมในสายล่างนี้ล้วนอัดแน่นด้วยทีมยักษ์ทั้งสิ้น แต่ก็ต้องออกแรงลุ้นเหนื่อยเพื่อตะเกียกตะกายเข้าสู่ ฟายน่อล เอ้ท ให้ได้ เปรียบเทียบกับอีก 4 ทีมในสายบนคือ ไล้พ์ซิช อั๊ตเลตีโก มาดริด อาตาลันตา และ ปารี แซ็ง แชรแม็ง ที่ยืนรออยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ความได้เปรียบเสียเปรียบจากการต้องแข่งมากน้อยกว่ากัน 1 นัดจะมีผลเพียงรอบชิงชนะเลิศเท่านั้นเพราะสายล่างเจอกันเองไปตลอด สายบนก็เจอกันเองไปตลอด จนเหลือทีมเดียวจากสายบนและสายล่างมาชิงชนะเลิศกัน
รอบ 8 ทีม กำหนดแข่งวันละคู่เดียว ระหว่างวันที่ 12-15 สิงหาคม ไล่เรียงจากทีมสายบนก่อนคือ อาตาลันตา-เปแอ๊สเช ไล้พ์ซิช-อั๊ตเลตีโก และต่อด้วยทีมสายล่างคือ ผู้ชนะคู่ บารซา/นาโปลี-ผู้ชนะคู่ บาแยร์น/เช็ลซี และ ผู้ชนะคู่ แมน ซิตี้/เรอัล มาดริด-ผู้ชนะคู่ ยูเว็นตุส/ลิอง จากนั้นรอบตัดเชือก วันที่ 18 สิงหาคม เป็นการพบกันระหว่างทีมชนะสายบน และวันที่ 19 สิงหาคม เป็นคู่ของทีมสายล่าง แล้วมาชิงชนะเลิศกันในวันที่ 23 สิงหาคม
ถึงตอนนี้ทีมต่างๆมีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวที่สำคัญคือ เปแอ๊สเช หนึ่งในทีมแกร่งปีนี้ คว้ามาแล้วทั้ง ลีก เอิง และ กุ๊ป เดอ ฟร้องส์ นี่กำลังจะเก็บถ้วยใบที่ 3 คือ ลีก คัพ ซึ่งจะจัดเป็นปีสุดท้ายแล้ว โดยเข้าชิงชนะเลิศกับ ลิอง ในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ที่ สต๊าด เดอ ฟร้องส์ แต่เมื่อตอนนัดชิงชนะเลิศ กุ๊ป เดอ ฟร้องส์ กับ แซ็ง เตเตียน ต้องสังเวย คีเลียน อึมบั๊ปเป พักยาว 3 สัปดาห์ เนื่องจากบาดเจ็บที่ข้อเท้าขวา ถ้ากลับมาเล่นถ้วย ยูเอ๊ฟฟ่า ได้ทันจะเป็นทีมที่น่ากลัวทีเดียว
คริชติอาโน โรเนาโด ก็สามารถนำ ยูเว็นตุส คว้าแช้มพ์ เซริเอ อา อีก 1 ฤดูกาล นี่ก็กำลังเบียดบี้กับ ลิโอเน็ล เม้สซี จาก บารเซโลนา สร้างสถิติทำประตูรวมสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเขาจะนับตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มจนถึงรอบชิงชนะเลิศเท่านั้น โรเนาโด ยิงไป 128 ประตู ส่วน เม้สซี่ ยังทำได้แค่ 114 ประตูเท่านั้น พูดถึง บารซา เม้สซี่ และ กรีเอ๊ซมาน ต้องระวังตัว หากโดนใบเหลือง นัดต่อไปก็โดนแบน ข้ามไป เรอัล มาดริด ค่อนข้างไม่เต็มสูบ พวกบาดเจ็บก็มี อาซาร อิ๊สโก กูรตัว มารเซโล ส่วน ราม้อส ติดโทษแบน ในขณะที่ โมดริช ต้องระวังใบเหลืองหากโดนอีกก็โดนแบน
ผมว่า ทีมเต็งแรงๆอีกทีมที่ต้องจับตาคือ บาแยร์น มึนเชิ่น ที่ปีนี้ได้ทั้ง บุนเดสลีกา และ เดแอ๊ฟเบ โพคาล มาแล้ว มี โรเบิร์ต เลวันด๊อฟสกี้ ศูนย์หน้าดาวยิงเลือดโปแลนด์กำลังเฮี้ยนทีเดียว ยิงประตูทุกรายการรวมทั้งในทีมชาติ 55 ประตูแล้ว เสียดายแค่ ฟร้องส์ ฟุตบอล ประกาศงดมอบรางวัล บัลลง ดอร ปีนี้ แต่อาจจะคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก ปลอบใจก็ได้ครับ