ยามาฮ่าฉลองครบรอบ 65 ปี ในวันที่ 1 กรกฎาคม ศกนี้ ภายใต้บทบาทของตราสินค้าที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก เติบโตและพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยแนวคิดหลักปรัชญา “คันโด” สร้างความพึงพอใจที่เหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้าเสมอ ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติและเป็นวิถีของแบรนด์ยามาฮ่า โดยสื่อสารผ่าน Global Slogan ด้วยวลี Revs Your Heart “เร่งชีวิตให้เร้าใจ”
สำหรับ บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น มีทิศทางและนโยบายที่ชัดเจนในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ ด้วยวิถีอันเป็นเอกลักษณ์ยามาฮ่า 5 ประการ พร้อมกันทั่วโลก ได้แก่ Innovation (ความริเริ่ม), Excitement (ความสนุกสนาน), Confidence (ความมั่นใจ), Emotion (ความดึงดูด) และ Ties (ความผูกพัน) เพื่อบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของยามาฮ่าที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเอกลักษณ์ที่ชัดเจนนี้เป็นแนวทางปฏิบัติที่พนักงานทุกคนยึดถือปฏิบัติและถ่ายทอดสู่การสร้างสรรค์สินค้า บริการและทุกจุดสัมผัสของยามาฮ่า เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าและเพื่อความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว
โดยนายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา ไทยยามาฮ่า สามารถคว้าอันดับที่ 2 ของโลก ในการทำ Branding Day ของยามาฮ่า ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอย่างมาก โดยเขามองเห็นถึงความทุ่มเทในการทำ Branding อย่างเป็นระบบ ซึ่งการทำ Branding เชิงระบบหมายความว่า ผู้บริหารมีส่วนร่วม ขับเคลื่อนอย่างมีระบบ มีการจัดการผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า ผู้จำหน่าย ซัพพลายเออร์ สื่อมวลชน และสังคม โดยมีการบริหารจัดการที่เป็นรูปธรรม แบ่งคนแต่ละกลุ่มแล้วออกแบบโครงการต่างๆ เกี่ยวกับแบรนด์ให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับทราบและมีส่วนร่วม โดยเราได้มีโครงการด้านต่างๆ ที่ทำร่วมกันให้มีปฏิสัมพันธ์ ให้มีความเชื่อมโยงกัน ซึ่ง Global Branding Committee ก็ให้อิสระแต่ละประเทศสามารถคิดสร้างสรรค์และทำ Branding ได้เอง ซึ่งเราก็มาคิดว่า Branding ในเมืองไทยจะสร้างความแตกต่างอย่างไร เราต้องแตกต่างจากคู่แข่ง แตกต่างในทุกๆ เรื่องที่ลูกค้ามาสัมผัสเรา และก็สามารถให้ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องมีความผูกพันในเชิงบวกกับแบรนด์เราอย่างไร หลังจากนั้นก็บริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ใครที่ดูแลผู้จำหน่ายก็ต้องสร้างระบบมาดูแลผู้จำหน่าย ใครที่ดูแลลูกค้าก็ต้องสร้างระบบขึ้นมาเพื่อดูแลลูกค้า ใครที่ดูแลเรื่องชุมชนก็ต้องมาดูว่าอะไรที่สามารถทำเป็นโครงการต่อเนื่องได้บ้าง เป็นต้น เมื่อเราคิดได้แบบนี้แล้วก็ออกแบบโครงการต่างๆ เพื่อเอาไปประกวดกันทั่วโลกและสุดท้ายเราก็สามารถคว้าอันดับที่ 2 ได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของไทยยามาฮ่าอย่างมาก โดยทางคณะผู้ตัดสินให้เหตุผลว่า ทางเราได้ให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการทำ Branding และผู้บริหารมีส่วนร่วมในการเริ่มต้นทุกโครงการ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของไทยยามาฮ่า อีกทั้งเราทำ Branding โดยไม่ได้คิดถึงแต่เรื่องธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการคิดถึงสังคมด้วย ทำให้การทำ Branding ของเรานั้นทำได้โดดเด่นกว่าของประเทศอื่นอีกด้วย”
ทว่าในปี 2020 ที่ทั่วโลกประสบภาวะวิกฤติจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการใช้ชีวิตและสภาพเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ดี Yamaha ยังสามารถฟันฝ่าวิกฤติและก้าวขึ้นเป็นแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศญี่ปุ่น (วัดจากยอดขายทั่วโลก โดย Interbrand Co., Ltd. บริษัทสำรวจด้านแบรนด์ที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น)
รวมถึงในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ยามาฮ่าประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ผ่านสินค้า บริการ และกิจกรรมต่างๆ มอบความประทับใจและความพึงพอใจสูงสุด เหนือความคาดหวังของลูกค้า เช่น ความสำเร็จของงานบริการหลังการขายที่เรามี “Yamaha Premium Service” ศูนย์บริการระดับพรีเมียมที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้ายามาฮ่า พร้อมด้วยการบริการรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นมิติใหม่ของที่จอดรถจักรยานยนต์ระดับพรีเมียม “Yamaha Premium Parking” ที่เปิดให้บริการสำหรับลูกค้ายามาฮ่าโดยเฉพาะและพร้อมขยายให้ครอบคลุมทุกจุดทั่วกรุงเทพมหานครอีกด้วย
อีกหนึ่งโครงการสำคัญในวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 65 ปี คือการสร้างปรากฏการณ์เป็นแบรนด์แรกของโลก ที่รับประกันรถจักรยานยนต์ทั้งคัน 5 ปี หรือ 50,000 กม. (รถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 500 ซีซี) พร้อมบริการ Road Side Service ในกรณีที่เกิดปัญหาฉุกเฉินจนไม่สามารถขับขี่ต่อได้ โดยลูกค้ายามาฮ่าทุกคันจะได้รับสิทธิ์การบริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี หรือ 12,000 กม. ตอกย้ำภาพลักษณ์ของสินค้าและบริการที่มีความแตกต่างและยึดถือความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
นอกเหนือจากการยกระดับสินค้าและบริการแล้วยามาฮ่ายังพร้อมเดินหน้าพัฒนาความรู้ความสามารถของผู้จำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของเทคนิคการขาย การวางกลยุทธ์ทางการตลาด การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า รวมถึงการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ โดยมีสื่อมวลชนเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ด้วยบทบาทของสื่อกลางที่เชื่อมโยงระหว่าง ยามาฮ่ากับลูกค้า ด้วยการยึดหลักปรัชญา “คันโด” เพื่อสร้างความพึ่งพอใจสูงสุดและประสบการณ์อันทรงคุณค่า ให้ลูกค้ามั่นใจและเชื่อมั่นในตราสินค้าและบริการของยามาฮ่าตลอดไป