กลุ่มทุนซาอุดีอาระเบีย เจออุปสรรคเทกโอเวอร์ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด หลัง องค์การค้าโลก ตัดสินว่า มีส่วนเกี่ยวข้องละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ
“พับลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์” ซึ่งมี เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงเป็นประธาน ควักเงิน 80 เปอร์เซ็นต์ ของข้อตกลง 300 ล้านปอนด์ (ราว 12,000 ล้านบาท)
การซื้อ-ขายสโมสร เหลือเพียงรอการรับรองจาก เจ้าของทีม พรีเมียร์ ลีก และกระบวนการตรวจสอบ เพื่อเช็กข้อมูล ว่าที่เจ้าของคนใหม่ รวมประวัติด้านอาชญากรรม
ฝ่ายกฎหมายของ พรีเมียร์ ลีก พิจารณาข้อตกลงฮุบกิจการ “สาลิกาดง” รวมระยะเวลา 2 เดือน
ล่าสุด “ดับเบิลยูทีโอ” ซึ่งทำหน้าที่ดูแลการซื้อ-ขายระหว่างประเทศ กำลังตรวจสอบ ซาอุดีอาระเบีย พัวพันกับ “บีเอาท์คิว (beoutQ)” สถานีโทรทัศน์ ที่ถูกกล่าวหาว่า แพร่ภาพการแข่งขันกีฬาอาชีพแบบผิดกฎหมาย
ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด พรีเมียร์ ลีก ย่านตะวันออกกลาง ตกเป็นของ “บีอิน สปอร์ตส” สถานีโทรทัศน์กาตาร์ เซ็นสัญญากัน 3 ปี มูลค่า 400 ล้านปอนด์ (ประมาณ 16,000 ล้านบาท)
ซาอุดีอาระเบีย ยืนกรานหนักแน่นมาตลอดว่า ไม่เคยช่วยเหลือการดำเนินงานของ “beoutQ” และปฏิเสธความสัมพันธ์ระหว่าง รัฐบาล กับ สถานีโทรทัศน์เถื่อน
ทว่า ผลตัดสินของ WTO ระบุ ซาอุดีอาระเบีย อำนวยความสะดวกต่อการประกอบกิจการของ “beoutQ” และส่อความประพฤติที่อาจบ่งชี้ว่า กระทำผิดกฎหมายลิขสิทธิ์
ยูเซฟ อัล-โอเบดลี ผู้บริหาร “บีอิน สปอร์ต” เขียนจดหมายร้องเรียนถึง ประธานสโมสร พรีเมียร์ ลีก ขอความร่วมมือต่อต้านการเทกโอเวอร์ “เดอะ แม็กพายส์” และโจมตี รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย สมรู้ร่วมคิดปล้นสัญญาณแพร่ภาพเกือบ 3 ปี