xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นปลดล็อก “มวยไทย” / ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”

หลังจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า “โควิด-19” เริ่มดีขึ้นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ก็ดูเหมือนเสียงเรียกร้องให้ปลดการ “ล็อกดาวน์” ก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็ควรต้องเป็นเช่นนั้น เพราะสถานการณ์ตอนนี้ถือว่า “เอาอยู่” จริงๆ ต่อไปก็ถึงคิวฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมให้กลับสู่สภาพปกติให้ได้ วงการมวยไทย ก็ถือว่าได้รับผลกระทบเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักมวยไทยส่วนใหญ่เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มที่เอาหยาดเหงื่อและความเจ็บปวดเข้าแลกเพื่อความอยู่รอดแท้ๆ พอถูกงดมา 2 เดือนเศษๆ นี่ถือว่ากระทบกับรายได้เพื่อการดำรงชีวิตจริงๆ ตอนนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการมวยก็ออกมาเริ่มเดินหน้าพยายามผลักดันให้มีการ “ปลดล็อก” มวยไทยให้เร็วที่สุด

ซึ่งตอนนี้ในระดับโลกนั้นก็เริ่มมีการอนุญาตให้กีฬาศิลปะการต่อสู้เริ่มกลับมามีกิจกรรมกันได้แล้ว อย่างรายการ MMA ของค่าย UFC ก็ได้เปิดศึกไปแล้ว 3 รายการด้วยกัน ในส่วนของวงการมวย โปรโมเตอร์ใหญ่อย่าง บ๊อบ อารัม และ เอ๊ดดี้ เฮิร์น ก็เริ่มออกมาให้ข่าวแล้วว่าพร้อมดึงรายการมวยต่างๆ ที่ถูกงดไปตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มาเปิดศึกกันตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน หรืออย่างช้าเดือนกรกฎาคมนี้แล้ว โดยที่เชื่อว่าศูนย์กลางมวยโลกอย่างลาส เวกัส ก็พร้อมปลด “ล็อกดาวน์” เพื่อให้จัดรายการต่างๆ ได้ ตามหลังฟลอริด้ามาเหมือนกัน ก็ถือเป็นข่าวที่ไปในทิศทางเดียวกัน

แต่การ “ปลดล็อก” รายการชกมวยไทยนั้นบอกตามตรงว่า “ไม่ง่าย” เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนักมวย ผู้เกี่ยวข้อง และสังคมโดยรวม อย่างรายการ UFC ที่เปิดศึกไปนั้น ก็มีมาตรการต่างๆ มากมาย เริ่มจากบรรดานักสู้ พี่เลี้ยง และผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย ต้องมาเก็บตัวกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนวันขึ้นสังเวียนจริงเป็นเวลา 7 วัน และในระหว่าง 7 วันนั้นก็มีการตรวจการติดเชื้อคนละ 2 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าบรรดานักสู้และผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายไม่มีเชื้อไวรัสอยู่ในตัว และไม่ออกไปพบใครให้มีความเสี่ยงที่จะไปรับเชื้อเข้ามา หรือฟุตบอลบุนเดสลีก้าของเยอรมัน ที่หวนคืนสนามกันมา 2 นัดแล้ว ก็ใช้มาตรการเดียวกัน ทีนี้ถ้าวงการมวยไทยจะ “ปลดล็อก” กันจริง เราจะใช้มาตรการแบบนี้มันจะไหวมั้ย จะคุมกันได้หรือเปล่า และที่สำคัญคือชุดตรวจเชื้อนั้นจะมีเพียงพอให้นำมาใช้หรือไม่ หรือถ้าจะไม่เข้มข้นขนาดนั้น แล้ววงการมวยจะทำอย่างไรให้ผู้เกี่ยวข้องต่างๆ มั่นใจได้ว่าจะไม่เป็นเหตุให้เกิดการระบาด “ระลอกสอง” ที่กลัวๆ กันอยู่

ส่วนการจัดแข่งขันนั้นแน่นอนว่าแรกๆ ต้องเป็นการจัดใน “สนามปิด” เท่านั้น แต่รายการมวยส่วนใหญ่ของเราก็ไม่ได้มีการถ่ายทอดสด มีแค่ไม่กี่รายการเท่านั้น การจัดแข่งในสนามปิด ก็คงทำได้ไม่กี่รายการ และจะมีรายได้จากการจัดคุ้มกับค่าใช้จ่ายต่างๆ หรือไม่ ก็ต้องทำสมการกันให้ดี ตอนนี้มีข่าวว่าในการคลายล็อกรอบที่สามนี้น่าจะมีเรื่องของวงการมวยอยู่ด้วย โดยอาจจะพร้อมให้กลับมาจัดรายการได้ตั้งแต่กลางๆ เดือนมิถุนายน ก็ต้องลองดูกันไป

วงการมวยนั้นถือว่ามีชนักติดหลังตรงที่เป็นจุดที่ทำให้เกิดการระบาดขนานใหญ่ในประเทศเราในช่วงแรก แต่มองมุมกลับ การเกิดการระบาดครั้งนั้นก็ทำให้คนไทยเกิดความตื่นตัว ใส่ใจที่จะดูแลตัวเองตามคำแนะนำและมาตรการต่างๆ ของทางภาครัฐที่ออกมา ซึ่งถือว่าทำให้เราควบคุมสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี ถึงตอนนี้เมื่อสถานการณ์จัดว่า “เอาอยู่” จริงๆ แล้ว ก็เอาใจช่วยให้วงการมวยไทยได้ “ปลดล็อก” กันจริงๆ เพื่อให้วงจรชีวิตของผู้เกี่ยวข้องได้กลับมาหมุนไปต่อตามปกติ และมีส่วนในการไปช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเราให้เดินหน้ากันต่อได้โดยเร็ว
กำลังโหลดความคิดเห็น