“มอลลี ไซเดล” สาวชงกาแฟ ผู้คว้าตั๋ววิ่งโอลิมปิก โตเกียว เกมส์

ขณะที่ทั่วโลกกังวลว่าการแข่งขัน โอลิมปิก โตเกียว เกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีขึ้นตามปฎิทินเดิมหรือไม่ เพราะการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังคืบคลานไปทุกย่อมหญ้าทั่วโลก กระนั้นก็ตามการแข่งขันรอบคัดเลือกชนิดกีฬาต่างๆ ก็ต้องดำเนินต่อไปในช่วงนี้

โดยการแข่งขันวิ่งมาราธอน รายการ ยูเอส โอลิมปิก มาราธอน ไทรอัล 2020 ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีเรื่องเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นเมื่อมีนักวิ่งสาวรายหนึ่งคว้าสิทธิเข้าร่วมการแข่งขัน โอลิมปิก 2020 ทั้งที่เพิ่งลงแข่งรายการใหญ่ครั้งแรก และกลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกออนไลน์


มอลลี ไซเดล นักวิ่งสาวชาวสหรัฐฯ ลงทะเบียนแข่งขันรายการ ยูเอส โอลิมปิก มาราธอน ไทรอัล 2020 ร่วมกับเหล่านักวิ่งมืออาชีพรวมกว่า 390 คน โดยถือเป็นรายการมาราธอนครั้งแรกในชีวิตหลังจากเคยชิมลางวิ่งแบบ มินิ-มาราธอน และ ฮาล์ฟ-มาราธอน มาแล้ว และท่ามกลางนักวิ่งอาชีพประสบการณ์สูงกว่า 100 ราย

แม้จะให้สัมภาษณ์ก่อนแข่งว่าไม่ได้คาดหวังมากนักกับการคัดตัวครั้งนี้โดยตั้งเป้าแค่ติดท็อป 20 และห่างจากแชมป์ไม่เกิน 7 วินาที แต่ ไซเดล ที่จบการแข่งขันในเวลา 2 ชั่วโมง 27 นาที 31 วินาที เป็นอันดับ 2 ของรายการ นั่นก็เพียงพอทำให้สาวน้อยชาวอเมริกัน กลายเป็น 1 ใน 3 นักวิ่งที่ได้สิทธิไปแข่งขันมาราธอนรายการ โอลิมปิก ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เดือนกรกฏาคมนี้อย่างเป็นทางการ


ค้นประวัติไปยิ่งน่าสนใจ ไซเดล ปัจจุบันมีอาชีพเป็นบาริสต้า คอยชงกาแฟให้ลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านกาแฟ นอกจากนี้ยังเป็นพี่เลี้ยงเด็ก กระนั้นก็ใช่ว่าจะไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับวงการวิ่งเลยเสียทีเดียวเพราะสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เธอคือนักเคยได้แชมป์การแข่งขันระดับมหาวิทยาลัยในระยะ 5,000 เมตร กับ 10,000 เมตร อนาคตสดใสไม่น้อย

นั่นคือเรื่องราวเมื่อ 6 ปีที่แล้ว แต่หลังจากนั้นร่างกายของ ไซเดล มีปัญหาหลังจากเธอตัดสินใจควบคุมอาหาร เลือกทานแต่อาหารคลีนเพื่อรักษารูปร่างให้ผ่ายผอมสมส่วน งดเนื้อสัตว์ และอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ทางการแพทย์เรียกว่าเป็นผู้ป่วย Orthorexia Nervosa ผสมกับมีอาการบาดเจ็บที่ขา ซึ่งนั่นทำให้เธอผอมสมใจแต่ก็แลกกับไม่สามารถลงวิ่งได้เหมือนเดิมเพราะเกิดภาวะกระดูกบาง ขยับตรงไหนก็เจ็บปวด ไม่สามารถทำกิจกรรมใดๆได้คล่องแคล่วเหมือนเก่า

เมื่อรู้ตัวว่าการใช้ชีวิตแบบนั้นทำให้ร่างกายมีผลเสีย ไซเดล ตัดสินใจเลิกเคร่งครัดกับตัวเอง เข้ารับการรักษากับแพทย์จนหายดี กลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ทำงานร้านกาแฟ สลับกับเป็นพี่เลี้ยงเด็ก พร้อมกับออกกำลังกายเบาๆ จนสามารถกลับมาวิ่งบนถนนได้เต็มที่อีกครั้ง และลงสมัครรายการต่างๆเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรายการใหญ่คัดเลือกโอลิมปิก


กิจวัตรประจำวันของ ไซเดล เริ่มที่ตื่นเช้ามาออกกำลัง ฟิตร่างกายและออกวิ่งรับแดดเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวัน ก่อนออกไปทำงานที่ร้านกาแฟ ตกเย็นเลิกงานก็ไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก แต่ที่สำคัญคือทัศนคติที่มุ่งมั่นเต็มร้อย และนั่นก็คือปัจจัยที่ส่งเสริมให้เธอเข้าป้ายคว้าโควต้า โอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียวจนได้

“มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นแบบนี้เพราะอยากลงแข่งแบบสบายๆ ไม่กดดันตัวเองมากไป รู้เลยว่าในสนามแห่งนี้มีนักวิ่งระดับอาชีพที่เก่งกาจกว่าฉันมากเพียงใด แต่สิ่งที่ทำได้คือตั้งใจและซักซ้อมกับโค้ชเพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมที่สุดทั้งกายและใจ” สาววัย 25 ปี กล่าวหลังจบการแข่งขัน

จอน กรีน ติวเตอร์สอนวิ่งของ ไซเดล กล่าวภูมิใจที่ลูกศิษย์ทำสำเร็จเกินเป้าหมาย กระนั้นก็อยากแนะนำให้เธอปรับตารางของตัวเองใหม่สำหรับการเตรียมตัวไปแข่ง โอลิมปิก 2020 หลังไม่เห็นด้วยกับการทำงานร้านกาแฟและเป็นพี่เลี้ยงเด็กในคราเดียวกัน เพราะอยากให้มีเวลาซ้อมมากกว่านี้ “ผมชอบใช้บริการที่ร้านกาแฟนะ แต่กับงานพี่เลี้ยงเด็กนี่มันมากไป”


การแข่งขันวิ่งมาราธอน โอลิมปิก ของฝั่งผู้หญิงจะมีขึ้นวันที่ 2 สิงหาคม แม้แชมป์เก่าที่บราซิลเมื่อ 4 ปีก่อนอย่าง เจมิมา ซุมกอง จากเคนย่าจะติดโทษแบนจากการใช้สารกระตุ้น แต่ก็ยังมีนักวิ่งตัวฉกาจอีกเพียบทั้ง มาเร ดิบาบ้า ลมกรดแห่งเอธิโอเปีย หรือ อาลีฟีน ตูเลียมุก ปอดเหล็กแห่งเคนย่า ชาติที่เก่งกาจเรื่องการวิ่งและเป็นแชมป์รายการเดียวกับที่ ไซเดล ได้โควต้าโอลิมปิก แถมยังมีไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดก่อกวนอยู่ที่แดนปลาดิบที่อาจทำให้ โอลิมปิก ยกเลิกแข่งขัน แต่เธอก็ขอทำเต็มที่กับมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติครั้งแรกในชีวิต

“ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาใช้สำหรับการได้แข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ ขณะเดียวกัน ฉันทำงานหนักตลอด 1 วัน แต่หลังจากนี้คงต้องปรับเปลี่ยนตารางกันบ้างแล้ว” ไซเดล กล่าวถึงการเตรียมตัวและนับถอยหลังสู่ โอลิมปิก ครั้งแรกในชีวิต