โดดเด่นทีเดียวสำหรับฟอร์มของ "อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์" ทั้งที่วัยเพียงแค่ 19 ปี โดยเพิ่งช่วย "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค บุกถล่ม เชลซี พังพาบคาถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ 0-3 ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรกเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เกมดังกล่าว "เดวี่ส์" ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็กซ้าย ก่อนที่จะแอสซิสต์ให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กดประตูปิดท้ายนาทีที่ 76 ดูแล้วไม่แปลกใจเลยทำไมถึงเบียด ลูคัส เฮอร์นานเดซ วัย 24 ปีดีกรีทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์โลกปี 2018 ที่เพิ่งย้ายมาจาก แอตเลติโก มาดริด เมื่อช่วงซัมเมอร์ต้องหลุดไปนั่งสำรอง
ฤดูกาลนี้ "เดวี่ส" ได้รับโอกาสจาก ฮันส์-ดีเทอร์ ฟลิก กุนซือ บาเยิร์น ทำให้แจ้งเกิดเต็มตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสามารถเล่นได้ทั้งแบ๊กและปีกเติมเกมรุกได้อย่างสุดสะเด่าด้วยความเร็วประกอบกับพลังงานล้นเหลือวิ่งขึ้นลงได้แบบไม่มีหมด ลงเล่นไปแล้วทั้งสิ้น 29 นัดรวมทุกรายการยิงไป 1 ประตูแต่ทำไปถึง 8 แอสซิสต์เลยทีเดียว
ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่ บาเยิร์น ยอมทุ่มเงิน 22 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมออปชั่น ซื้อตัว "เดวี่ส์" มาจาก แวนคูเวอร์ ไวท์แคปส์ เอฟซี เมื่อปี 2018 ถือเป็นสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดที่ย้ายออกจากเวที เมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะถูก มิเกล อัลมิรอน กองหน้าปารากวัย ทำลายลงในการย้ายจาก แอตแลนต้า ยูไนเต็ด ร่วมทัพ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
ดูแล้วเรียกได้ว่า "เดวี่ส์" นั้นกำลังมีอนาคตที่สดใสรออยู่ แต่กว่าจะถึงวันนี้นั้นไม่ง่ายเลย เพราะเขาเกิดในค่ายผู้ลี้ภัยที่ตั้งอยู่ในบูดูบูรัม ประเทศกาน่า ส่วนพ่อกับแม่พื้นเพเป็นคนไลบีเรียต้องระหกระเหินหนีสงครามกลางเมืองครั้งที่ 2 ของประเทศ จนกระทั่งเขาอายุได้ 5 ขวบครอบครัวได้ย้ายมาที่แคนาดาในฐานะผู้ลี้ภัยและไปอยู่ที่ วินด์เซอร์ ออนตาริโอ ตามด้วย เอ็ดมอนตอน ในอีกปีให้หลัง จนในที่สุดมิถุนายนปี 2017 ก็ได้สัญชาติแคนาเดี้ยน
ระหว่างนั้น "เดวี่ส์" ก็เล่นให้กับสโมสรเล็กๆ อย่าง เอ็ดมอนตัน อินเตอร์เนชันแนลส์ กับ เอ็ดมอนตัน สไตรเกอร์ส ตามลำดับ ก่อนที่ปี 2015 จะได้มาอยู่กับ ไวท์แคปส์ เอฟซี เรสซิเดนซี่ ซึ่งทีมดังกล่าวอยู่ในเครือของ แวนคูเวอร์ ไวท์แคปส์ เอฟซี แห่งศึก เอ็มแอลเอส
เส้นทางลูกหนังของ "เดวี่ส์" เติบโตแบบก้าวกระโดดปี 2016 เซ็นสัญญาอาชีพ ตามด้วยลงเล่น เอ็มแอลเอส จนได้สถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ปรากฎตัวบนเวทีนี้ต่อจาก เฟร็ดดี้ อาดู อดีตกองหน้าทีมชาติสหรัฐอเมริกา ตอนนั้นสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรปทั้ง บาเยิร์น, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และ ลิเวอร์พูล เริ่มจับตามองแล้ว
ย้อนไปตอนนั้นหรือเมื่อ 2 ปีก่อนราวเดือนมกราคมปี 2018 แมนฯยู มีโอกาสที่จะเซ็นสัญญากับ "เดวี่ส์" เพราะเขามีกำหนดที่จะมาทดสอบฝีเท้าที่ แคร์ริงตัน เป็นเวลา 3 สัปดาห์ แต่เมื่อถึงเวลาต้องเดินทางทุกอย่างต้องยกเลิก เนื่องจากทีมชาติแคนาดาจัดการเรียกตัวไปติดธงรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีเพื่อเข้าแคมป์ โอลิมปิก
"เดวี่ส์" เดินทางไปเข้าแคมป์กับทีมชาติแคนาดาเป็นเวลา 10 วันที่ ออร์แลนโด้ รัฐฟลอริด้า ฝั่ง แมนฯยู ที่คุมทัพโดย โชเซ มูรินโญ่ พยายามที่จะหาตารางเวลาใหม่เพื่อที่จะให้ "เดวี่ส์" มาทดสอบฝีเท้า แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เกิดขึ้น จนกระทั่งเป็น บาเยิร์น ตัดหน้าได้ลายเซ็นของเขาไปพร้อมจับเซ็นยาว 5 ปีถึงปี 2023
ที่ บาเยิร์น "เดวี่ส์" พุ่งขึ้นมาแบบก้าวกระโดดได้ลงเล่นนัดแรกต้นปี 2019 พบกับ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ในศึก เทเลคอม คัพ ตามด้วยปรากฎตัวในศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน และมีนาคมปี 2019 ก็สามารถยิงประตูแรกให้กับ "เสือใต้" ได้ในแมตช์ที่ชนะ ไมนซ์ 6-0 พร้อมสร้างสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุด 18 ปี 4 เดือนกับอีก 15 วันที่ทำประตูในเกมลีกให้กับทีม ทำลายสถิติของ โรเก้ ซานตา ครูซ ที่เคยทำเอาไว้
แต่กว่าที่ "เดวี่ส์" จะได้ออกสตาร์ทนัดแรกในลีกให้กับ บาเยิร์น ต้องรอจนถึงนัดที่ 9 ของฤดูกาลนี้ในเกมที่เล่นเต็ม 90 นาทีช่วยทีมชนะ อูนิโอน เบอร์ลิน 2-1 โดยเจ้าตัวถูกเลือกประจำตำแหน่งแบ็กซ้ายพร้อมหุบ ดาวิด อลาบา เข้ามายืนเซนเตอร์ฮาล์ฟช่วยให้แผงรับของ "เสือใต้" ลงตัวและผลงานภาพรวมของทีมก็ค่อยๆ ดีขึ้น
ในส่วนของทีมชาติแคนาดา "เดวี่ส์" เล่นชุดเล็กเพียงแค่ระดับ ยู 17 กับ ยู 20 เพียงไม่กี่นั้น เพราะฝีเท้านั้นก้าวกระโดดจนไปติดชุดใหญ่เป็นเรียบร้อยแล้ว 17 นัดยิงไป 5 ประตูและกำลังมีลุ้นไปล่าเหรียญทอง โอลิมปิก โตเกียว เกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ด้วย
แน่นอนเวลานี้ "เดวี่ส์" กำลังไต่ระดับแม้จะวัยเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น เพราะสิ่งที่แสดงออกมาให้เห็นนั้นคือคุณสมบัติของว่าที่แบ็กซ้ายหมายเลข 1 ของโลกชัดๆ