“ฮอฟเฟนไฮม์” ทีมเล็กแห่งบุนเดสฯที่แฟนบอล “เสือเหลือง-เสือใต้” ร่วมใจกันด่า

กลายเป็นข่าวฉาวในวงการลูกหนัง บุนเดสลีกา เยอรมนี เมื่อแฟนบอล บาเยิร์น มิวนิค ติดป้ายผ้าพร้อมเขียนข้อความด่าทอเจ้าของทีม ฮอฟเฟนไฮม์ ในเกมนัดล่าสุด กระนั้นเมื่อสืบค้นลึกลงไปจึงได้รู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทีมเล็กๆ ในวงการฟุตบอลเมืองเบียร์ ตกเป็นเป้าหมายของการถูกด่า

ย้อนความสักนิดเผื่อคนที่ไม่ได้ดูเกมเมื่อคืนวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา บาเยิร์น มิวนิค ยกพลบุกไปขย่ม ฮอฟเฟนไฮม์ 6-0 แต่แฟนบอลระดับฮาร์ดคอร์ของ “เสือใต้” สร้างเรื่องงามหน้าติดป้ายบนอัฒจรรย์พร้อมเขียนข้อความด่า ดีทมาร์ ฮ็อปป์ เจ้าของทีม ฮอฟเฟนไฮม์ ว่า “Son of a Bitch” (ไอ้ลูกโสเภณี)

ร้อนถึงนักเตะของ บาเยิร์น มิวนิค รวมถึง ฮันส์-ดีเทอร์ ฟลิกค์ กุนซือ ต้องวิ่งมาบอกให้แฟนบอลเสื่อมทรามกลุ่มนั้นถอดป้ายผ้าออก ส่วน คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิเก ผู้บริหารของ บาเยิร์น ต้องเดินไปขอโทษขอโพยกับ ดีทมาร์ ฮ็อปป์ ส่วนนักเตะทั้งสองทีมก็มายืนกอดคอกันให้กำลังใจประธานเจ้าถิ่นและกลุ่มแฟนบอลน้ำดีเจ้าบ้านหลังจบเกม

ดีทมาร์ ฮ็อปป์ เจ้าของทีม ฮอฟเฟนไฮม์ ผู้ตกเป็นเป้าของเสียงด่า คือ มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ SAP SE แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของยุโรป ซึ่งเจ้าตัวเข้ามาให้การสนับสนุน ฮอฟเฟนไฮม์ ตั้งแต่ปี 2000 ตั้งแต่สมัยที่ทีมยังเล่นอยู่ดิวิชั่น 5 และเม็ดเงินการลงทุนในหลายส่วนก็ช่วยขับเคลื่อนให้ทีมขึ้นมาเล่นใน บุนเดสลีกา สำเร็จ

แต่การเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดในปี 2008 สร้างความไม่พอใจแก่แฟนบอลเยอรมันพันธุ์แท้ เพราะพวกเขามองว่า ฮอฟเฟนไฮม์ คือทีมที่มีนายทุนหนุนหลัง 100% แหกขนบที่ว่าทีมฟุตบอลในลีกเมืองเบียร์จะต้องบริหารตามกฏ 50+1 นั่นคือให้แฟนบอลท้องถิ่นเข้ามาถือหุ้นครึ่งหนึ่งของทีม พร้อมสามารถแสดงความคิดเห็นต่อทิศทางการทำทีม

ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (ที่มี ไบเออร์ เป็นเจ้าของ) กับ โวลฟ์สบวร์ก (ที่มี โฟล์กสวาเกน เป็นเจ้าของ) คือ สองทีมที่มีกลุ่มทุนดูแลอยู่เบื้องหลัง ทว่าพวกเขาได้รับการต้อนรับจากแฟนบอลท้องถิ่นอย่างดีจากการเข้ามาดูแลทีม ลงทุนเม็ดเงินมหาศาล พร้อมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับแฟนบอลมานานกว่า 20 ปี ทำให้สองทีมนี้ไม่ถูกต่อต้านมากนัก

นอกจากนี้ วงการฟุตบอลเยอรมนี ยังมีขนบธรรมเนียมความเชื่อแบบดั้งเดิมที่ว่าทีมสโมสรฟุตบอลที่ดี จะต้องพัฒนาตัวเองโดยเริ่มจากผลงานในสนาม สร้างความสัมพันธ์กับแฟนบอล สร้างชื่อชั้นความแข็งแกร่งจนมีสปอนเซอร์เข้ามาหนุน ก่อนยกสถานะตนเองเป็นทีมฟุตบอลที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนในประเทศ

แต่ไม่ใช่กับ ฮอฟเฟนไฮม์ เมื่อสิทธิการบริหารทีมทั้งหมดเป็นของ ดีทมาร์ ฮ็อปป์ แต่เพียงผู้เดียวตั้งแต่ปี 2015 โดยละเมิดกฏ 50+1 ที่สมาคมฟุตบอลเยอรมนีตั้งไว้ แถมสมาคมลูกหนังในประเทศ ก็ไม่ได้เข้ามาจัดการเรื่องนี้แต่อย่างใด โดยคาดว่าทั้งสองฝ่ายอาจมีนอกมีในบางอย่าง จนนำมาสู่ความไม่พอใจของแฟนบอลเมืองเบียร์สายพันธุ์แท้

ก่อนหน้านี้ แฟนบอลของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รายหนึ่งถูกแบน 3 ปี เพราะแสดงความเห็นด่าทอ ดีทมาร์ ฮ็อปป์ ในเรื่องเดียวกันเมื่อปี 2018 เช่นเดียวกับแฟนบอลของ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ที่เคยติดป้ายด่าเจ้าของรายนี้ว่า “ไปตายซะ”

แน่นอนว่า เรื่องนี้คล้ายคลึงกับ ไลป์ซิก ทีมลูกหนังอีกรายของ บุนเดสลีกา เยอรมนี ซึ่งเป็นที่เกลียดชังของแฟนบอลเยอรมนีพันธุ์แท้ จากการที่ทีมมี เรด บูลล์ เครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดังของออสเตรียเป็นเจ้าของ และถูกแอนตี้เพราะมองว่า เรด บูลล์ แค่ต้องการทำทีมฟุตบอลเพื่อโปรโมตสินค้าของตัวเอง อย่างไรก็ตาม คืนวันผ่านไป เสียงวิจารณ์ก็เริ่มเบาลงหลังจากพวกเขาพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ทำทีมเล่นๆ แถมมีผลงานดีเกาะท็อป 4 ของลีก จนได้สิทธิไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ด้วยฝีเท้าของพวกเขาเอง ผสมเม็ดเงินจากนายทุนนอกประเทศ

สิ่งที่เกิดขึ้นในเกม ฮอฟเฟนไฮม์ กับ บาเยิร์น มิวนิค นัดล่าสุด แน่นอนว่า ทีมผู้บริหารของสมาคมฟุตบอลเยอรมนี จะต้องนำเรื่องนี้ไปพูดคุยบนโต๊ะประชุม คนที่ซวยจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก “เสือใต้” ที่น่าจะต้องเสียค่าปรับบานเบอะโทษฐานคุมแฟนบอลไม่ได้ ส่วนผู้กระทำผิด หากจับตัวได้ก็มีสิทธิถูกแบนห้ามเข้าสนามตลอดชีวิต