คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
น่าสังเกตว่า ในเมืองไทยของเราช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อเกิดมีคนเก่งที่สามารถสร้างความเจริญ ผาสุกให้แก่ประชาชนชาวไทย ซึ่งได้รับคะแนนเสียงอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้ง บางครั้งถล่มทลาย นับว่าเป็นบุคคลที่ประชาชนต้องการให้รับหน้าที่บริหารประเทศ ตั้งแต่ยุคเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า ยุครุ่งเรืองของคนรากหญ้า แต่ดูสิ ตัวแทนที่มาจากเสียงของประชาชนเจ้าของประเทศแท้ๆมักจะถูกทุบทิ้ง ทำลายทุกครั้งไปด้วยฝีมือของฝ่ายที่สูญเสียบทบาท ความสำคัญ ทั้งทหารที่คอยหาเรื่องยึดอำนาจและฝ่ายที่ คนส่วนใหญ่ ไม่ได้อยากให้บริหารประเทศ มีความพยายามทุกรูปแบบ รวมทั้ง ใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือยุบพรรค กำจัดคนที่ประชาชนเลือกมาให้ล้มหายไปเลย ไม่ว่าจะต้องตามกฎ กติกาบ้านเมืองหรือไม่ก็ไม่เห็นใยดียี่หระ ยัดข้อหา ป้ายความผิดกันดื้อๆก็เอา ซึ่งในอีก 2 วันนี้ มันก็กำลังจะเกิดขึ้นอีกหนกับการยุบพรรคที่เป็นขวัญใจของคนกว่า 6 ล้านคน คราวนี้ด้วยเรื่องเงินกู้ที่จะถูกทำให้กลายเป็น เงินรายได้ เงินบริจาค จนได้ “ ข้อเท็จจริงอยู่กับประชาชน แต่อำนาจดันอยู่ที่ ศาล ”
ในขณะเดียวกันอีกเรื่องที่กลับต้องขอให้ศาลช่วยจริงๆ มันไปอยู่ไกลถึง อังกฤษ นั่นก็คือ แมนเช้สเต้อร์ ซิตี้ (Manchester City FC) รองจ่าฝูง เพรอมิเอ ลีก (Premier League) ต้องอกหักอดเล่น ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าซะแล้ว ด้วยคำสั่งลงโทษแบนจาก หน่วยงานควบคุมด้านการเงินสโมสรสมาชิกของ ยูเอ๊ฟฟ่า (UEFA) โดนตัดสิทธิ์ห้ามเข้าร่วมแข่งขันในทุกรายการของ ยูเอ๊ฟฟ่า เป็นเวลา 2 ปี แถมถูกปรับเงินอีก 30 ล้าน ยูโร เนื่องจากละเมิดกฎความยุติธรรมทางด้านการเงิน (UEFA Financial Fair Play Regulations) อย่างไรก็ตาม ทางสโมสรกำลังนำเรื่องเข้าอุทธรณ์ต่ออนุญาโตตุลาการด้านกีฬา (Court of Arbitration for Sport) ทำให้การลงโทษดังกล่าว ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด ต้องรอให้มีคำตัดสินออกมาเสียก่อน
การถูกตัดสิทธิ์เข้าแข่งขันของ แมนฯ ซิตี้ ส่งผลถึง ลิเว่อร์พูล (Liverpool FC) อีกทีมยักษ์ใหญ่ของลีกเดียวกัน ว่าที่แช้มพ์ เพรอมิเอ ลีก (Premier League) หนแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรนับตั้งแต่แยกออกมากินส่วนแบ่งการถ่ายทอดโทรทัศน์เต็มๆในฤดูกาล 1992-93 ถึงตอนนี้กลับได้สิทธิ์เข้าร่วมเล่น ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในรอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาลหน้าเป็นทีมแรกทันที
ตารางการจัดอันดับลีกของชาติยุโรปของ ยูเอ๊ฟฟ่า (Association ranking) ตามค่าสัมประสิทธิ์ของปี 2019 ที่รวบรวมผลงาน 5 ฤดูกาล (2014–15 ถึง 2018–19) นั้น ลีกของ อังกฤษมี 85.462 คะแนน มาเป็นอันดับ 2 รองจาก สเปน 103.569 คะแนน ส่วนอันดับ 3 คือ อิตาลี 74.725 คะแนน และอันดับ 4 เจอรมานี 71.927 คะแนน ทั้ง 4 ลีกดังกล่าว ได้สิทธิ์ในการจัดสรรให้ส่งทีมเข้าร่วมแข่งฟุตบอลสโมสรยุโรปถ้วยใหญ่ ในรอบแบ่งกลุ่ม ชาติละ 4 ทีม
เมื่อพิจารณากรณีถูกตัดสิทธิ์ของ แมนฯ ซิตี้ ที่กำลังรั้งรองจ่าฝูง ทำให้ต้องมองไปถึงทีมอันดับ 5 ที่จะได้รับสิทธิ์แทน ซึ่งหลังจาก การแข่งขัน เพรอมิเอ ลีก นัดที่ 26 ที่ ลิเว่อร์พูล บุกไปเอาชนะ นอริช ซิตี้ 1-0 ที่ แคร์โรว โร้ด ทำให้อีก 8 นัดข้างหน้า แม้จะแพ้หมดก็ยังรั้งจ่าฝูง แต่นั่นยังไม่มีผลสำคัญเท่ากับที่ตอนนี้ ลิเว่อร์พูล มี 76 คะแนน ห่างจากอันดับ 6 คือ เช้ฟฟีลด์ ยูนายเถ็ด (Sheffield United FC) ที่มี 39 แต้มถึง 37 คะแนน และแม้ เดอะ เบลดส์ จะทำได้เต็มแม็ก คือชนะทุกนัดที่เหลือ ก็จะทำแต้มขึ้นมาได้แค่ 36 คะแนน รวมเป็น 75 คะแนน ไล่แซง ลิเว่อร์พูล ไม่ทันอยู่แล้ว เป็นอันว่า แม้นับจากนี้ เดอะ เร้ดส์ จะพลาดเก็บแต้มไม่ได้เลยจนจบฤดูกาล ยังไงก็ไม่มีทางหลุดจากอันดับ 5 ของตารางคะแนน นั่นทำให้คว้าสิทธิ์เล่น ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาล 2020-2021 มาอยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว
ทุกอย่างอาจเคลื่อนจากนี้ได้ด้วย “ ศาล ” นั่นแหละ นั่นคือในกรณีที่ สกาย บลูส์ เกิดอุทธรณ์สำเร็จ ศาล เข้าข้างและมีคำสั่งไม่ต้องถูกลงโทษแบน เราก็ต้องกลับมาดูอันดับ 5 ของตารางคะแนน ซึ่ง ท้อทแน่ม ฮ้อทสเปอร์ (Tottenham Hotspur FC) ครองอยู่ด้วยคะแนน 40 คะแนน ก็ยังเป็นรอง ลิเว่อร์พูล ถึง 36 คะแนน ซึ่ง สเปอร์ส ทำเต็มที่ ชนะหมดก็จะทำแต้มขึ้นมาได้แค่ 76 คะแนนเท่ากัน อย่างไรก็ตาม กับอีก 12 แม็ทช์ที่เหลือ ลิเว่อร์พูล แค่ทำเพิ่มอีกเพียงคะแนนเดียวก็เรียบร้อย โอกาสของ เดอะ เร้ดส์ ก็แน่นอนอยู่ดี ส่วนไอ้ที่จะไม่แน่นอนก็คือ แมนเช้สเต้อร์ ซิตี้ ของ อังกฤษ โน่น และ อนาคตใหม่ ของไทยนี่ ... แล้วแต่ “ ศาล ” ครับ