ยุคสมัยที่ความบันเทิงรูปแบบต่างๆ ส่งตรงถึงบ้านอย่างง่ายดาย ทำให้เด็กรุ่นใหม่กระทั่งผู้ใหญ่หัวคิดทันสมัย เลือกที่จะเสพความบันเทิงที่ตนเองชื่นชอบอยู่ในนิวาสถานของตัวเองโดยไม่ต้องออกไปเสี่ยงภัยนอกบ้าน ยกตัวอย่าง Netflix หรือ Disney+ สตรีมมิ่งภาพยนตร์ออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง หรือวงการกีฬาก็มี DAZN กับ beIN Sport ที่ให้ดูถ่ายทอดสดกีฬาโปรดได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านโทรศัพท์มือถือหรือแท็ปเล็ต
ปกติแล้วเวลาดูฟุตบอลแบบถ่ายทอดสด ช่องทางรับชมของคนทั่วโลกจะมาจากการจ่ายเงินรายเดือนให้แก่ผู้ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลมาฉายทางทีวี กระทั่งยุคปัจจุบันเริ่มมีการผันเปลี่ยนมาดูในรูปแบบสตรีมมิ่งกันบ้าง เจ้าใหญ่คือ beIN Sport กับ DAZN ที่ขอเพียงแค่โหลดแอพพลิเคชั่นลงโทรศัพท์มือถือหรือแท็ปเล็ต สมัครแพ็คเกจที่ต้องการ รายวันหรือรายเดือน แล้วมีแค่สัญญาณอินเตอร์เน็ต ก็สามารถเลือกชมเชียร์ทีมโปรดได้ตามสบายที่ไหนก็ได้
ตัดมาที่ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ลีกยอดนิยมอันดับ 1 ของโลก เดิมทีพวกเขาใช้วิธีขายลิขสิทธิ์ให้แก่ประเทศต่างๆ นำสัญญาณไปเผยแพร่ต่อทางสถานีโทรทัศน์หรือเคเบิลทีวีบอกรับสมาชิกรายเดือน พวกเขามีรายได้มหาศาลจากการขายลิขสิทธิ์ทั่วโลกรอบล่าสุด 3.1 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 125,000 ล้านบาท) ทั่วยุโรปและเอเชีย ก่อนที่ช่วงหลังจะเริ่มอนุญาตให้มีการเผยแพร่สัญญาณแบบออนไลน์ เจ้าใหญ่ที่ได้ไปก็คือ แอมะซอน ร้านค้าออนไลน์ที่หันมาจับธุรกิจสตรีมมิ่งบ้าง
แต่จะดีกว่าไหมถ้าเกิดคนถือลิขสิทธิ์อย่าง พรีเมียร์ ลีก จะมีสตรีมมิ่งเป็นของตัวเองเพื่อเก็บรายได้เข้ากระเป๋าอีกช่องทาง ว่าแล้วก็เป็นที่มาของข่าวว่า พรีเมียร์ ลีก จะทำช่องสตรีมมิ่งของตัวเองที่เรียกกันแบบไม่เป็นทางการก่อนว่า พรีมฟลิกซ์ (Premflix) ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสตรีมมิ่งภาพยนตร์ชื่อดัง Netflix แต่อย่างใด ทว่าโมเดลคล้ายคลึงกันคือนำสัญญาณถ่ายทอดสดมาเผยแพร่แบบออนไลน์ แล้วเก็บเงินค่าสมาชิกแบบรายเดือนเรื่อยไป
ไอเดียนี้ผุดขึ้นมาโดย ริชาร์ด มาสเตอร์ส ซีอีโอคนใหม่ของ พรีเมียร์ ลีก เขาระบุว่าตัวเองและทีมงานได้ทำการศึกษาค้นคว้าวิธีการถ่ายทอดสดกีฬาแบบสตรีมมิ่ง หลังจากมีตัวอย่างให้เห็นกันแล้วจากทาง DAZN หรือ beIN Sport เพื่อนำฟุตบอลลีกอันดับ 1 ของโลก ไปสู่การเผยแพร่ในรูปแบบใหม่นั่นคือส่งถึงมือผู้บริโภคโดยตรง และวางแผนที่จะทดลองใช้การสตรีมมิ่ง พรีเมียร์ ลีก ในบางประเทศก่อนเพื่อดูผลตอบรับ หากทุกอย่างออกมาเสถียรมั่นคงก็ค่อยกระจายสู่ประเทศอื่นกาลต่อมา
ว่าด้วยรูปแบบของการเผยแพร่ หากเป็นถ่ายทอดสดทางทีวี สถานีโทรทัศน์รายใหญ่ซึ่งรับหน้าที่ถ่ายทอดสดอย่าง สกาย จะเอากล้องไปถ่ายถึงขอบสนาม ก่อนส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมแล้วกระจายไปยังสถานีโทรทัศน์ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาฉายทั่วโลก แต่ถ้าเป็นแบบสตรีมมิ่ง พรีมฟลิกซ์ กล้องจะส่งสัญญาณไปที่ตัวทีวี โทรศัพท์ แท็ปเลต ดูกันเต็มอิ่ม 380 แมตช์ ที่มีการต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตเอาไว้โดยตรง ข้อดีคือไม่ต้องผ่านตัวกลางหลายขั้น แต่ก็แลกกับความเสถียรของอินเตอร์เน็ตซึ่งอาจมีกระตุกหรือดับบ้างถ้าโชคร้าย
การที่ พรีเมียร์ ลีก คิดทำสตรีมมิ่งของตัวเอง ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากเพิ่มรายได้เข้ากระเป๋าจากเดิมที่ขายให้สถานีโทรทัศน์ทั่วโลกอย่างเดียว สมมติว่าพวกเขาเก็บค่ารายเดือน พรีมฟลิกซ์ จากสมาชิกคนละ 40-45 ปอนด์ (ประมาณ 1,600-1,800 บาท) แล้วปรากฏว่ามีแฟนบอลสนใจมากถึง 3 ล้านคน เท่ากับว่า พรีเมียร์ ลีก จะได้เงินก้อนโตยิ่งกว่าเดิมคือ 9,000 ล้านปอนด์ (ประมาณ 363,100 ล้านบาท) และขณะเดียวกันก็ยังฟันรายได้จากลิขสิทธิ์ทีวีอีก ยิ้มกริ่มกันทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งผู้บริหารและทีมสโมสร
อย่างไรก็ตาม การถ่ายทอดสดฟุตบอลเพียงอย่างเดียวอาจเป็นเรื่องน่าเบื่อเกินไป ริชาร์ด มาสเตอร์ส ยังกล่าวว่าพวกเขาจะทำคอนเทนต์ใหม่ใส่เพิ่มลงไป ทั้งสกู๊ปทีมฟุตบอล การวิเคราะห์เกม ไฮไลต์ที่สามารถดูย้อนหลังได้ทุกเมื่อ รวมถึงกดดูภาพย้อนหลังและเปลี่ยนมุมมองระหว่างการรับชมได้จากอุปกรณ์ของท่านเอง ซึ่งนั่นทำให้ตัวคอนเทนต์นั้นถูกยกระดับขึ้นไปกว่าการดูถ่ายทอดสดทางทีวีแบบธรรมดา ที่เห็นมุมกล้องเฉพาะภาพที่สถานีจงใจตัดมาให้
แม้เป็นเพียงไอเดียตั้งต้นแต่ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเสพความบันเทิงอยู่บ้าน อันเป็นไลฟ์สไตล์ของโลกยุค โซเชียล มีเดีย กระนั้นนักวิจารณ์สื่อที่ยังมีแนวคิดอนุรักษ์นิยม เห็นต่างโดยคิดว่าการสตรีมมิ่งเป็นการทำลายเสน่ห์การดูฟุตบอลที่แท้จริง ผิดจารีตการดูบอล โดยเฉพาะที่อังกฤษซึ่งแฟนบอลส่วนใหญ่หากซื้อตั๋วดูในสนามไม่ได้ก็จะยกพลไปดูบอลตามผับบาร์ เชียร์ทีมรักกันเป็นหมู่คณะ สร้างเสริมความสัมพันธ์และอารมณ์ร่วม ผู้ประกอบการก็มีรายได้จากการขายเครื่องดื่มและอาหารไปด้วย
กรณีนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ Netflix ที่แม้จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกแสนสะดวกสบายของคอหนัง-ซีรีส์ยุคใหม่เพราะมีหนังดีจากค่ายหนังฮอลลีวูด ซีรีส์คุณภาพที่คนติดกันงอมแงมมาเสิร์ฟให้ชมถึงบ้าน แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากเหล่าผู้กำกับชื่อดังหลายท่านบอกว่า Netflix ทำลายเสน่ห์ของการดูหนังในโรงภาพยนตร์ เพราะพวกเขาเชื่อว่าการดูหนังในโรงภาพยนตร์นั้นได้อรรถรสที่เต็มอิ่มกว่า แต่ดูเหมือนเสียงเหล่านั้นจะไม่มีผลอะไรเพราะ Netflix ก็ยังมีคนสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสตรีมมิ่งอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน
อีกมุมหนึ่งคือในเมื่อคนรุ่นใหม่ยอมจ่ายเงินดูบอลกับ พรีมฟลิกซ์ หลักล้านคน บรรดาสถานีโทรทัศน์ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาฉายอาจกุมขมับกับตัวเลขเรตติ้งที่ลดน้อยลง เพราะในเมื่อดูสดแบบสตรีมมิ่งได้ก็ไม่จำเป็นต้องดูสัญญาณของสถานีอีกต่อไป นับเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะปัจจุบันธุรกิจทีวีก็ซบเซาพอตัวอยู่แล้วเพราะคนดูทีวีกันน้อยลง ยิ่งเจอสตรีมมิ่งออนไลน์เล่นงาน ผสมโรงกับการเจอมือมืดขโมยสัญญาณไปเผยแพร่ (เรียกอีกนัยว่า ดูบอลเถื่อน) ย่อมมีผลต่อธุรกิจภายในไปด้วย
ส่วน พรีเมียร์ ลีก ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์สัญญาณสด ไม่ต้องทำอะไรรับเงินก้อนสองช่องทางทั้งสถานีโทรทัศน์และสตรีมมิ่งไปนอนกอด แบ่งสันปันส่วนกับผู้เกี่ยวข้องให้ครบก็เป็นอันเรียบร้อย แม้จะไม่ใช่เจ้าแรกที่ริเริ่มถ่ายทอดสดฟุตบอลแบบสตรีมมิ่งเพราะเจ้าอื่นก็ทำกันมานานแล้วทั้ง ยูฟ่า หรือบรรดาอเมริกันเกมส์ แต่ก็ถือเป็นทิศทางใหม่ที่พวกเขาจะส่งต่อสุดยอดฟุตบอลอันดับ 1 ของโลก ไปสู่สายตาผู้ชมได้กว้างขวางยิ่งกว่าเดิม
การเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอในเมื่อโลกเราเดินหน้ากันไปทุกวัน เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนผ่านกันเกือบทุกนาทีดังนั้นการมาของ พรีมฟลิกซ์ จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับคอบอลรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม หากแพลตฟอร์มใหม่ตัวนี้ไมมีคอนเทนต์คุณภาพน่าสนใจดึงดูดให้มาสมัครสมาชิกก็อาจมีสิทธิล้มพับได้เช่นเดียวกัน เพราะอย่าลืมว่าคนอังกฤษเน้นดูบอลที่สนามมากกว่า ดังนั้นถ้ามายังต่างประเทศหรืออย่างที่ไทยรับรองคนดูน่าจะกระฉูดแน่นอน
ข้อมูลจาก www.dailymail.co.uk