คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 จะเป็นวันที่เราจะได้เห็นตัวนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ว่าเป็นคนใหม่ หรือคนเดิม ซึ่งเท่าที่ทราบตอนนี้เปิดตัวมาแล้ว 2 คน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง คนเก่าเจ้าของเก้าอี้ขวัญใจกลุ่ม "บุรีรัมย์-ชลบุรี" กับ วรวีร์ มะกูดี ชายผู้เป็นอดีตเจ้าของเก้าอี้ตัวนี้มาอย่างยาวนาน
ซึ่งเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นวันที่ 12 กุมภาพันธ์นั้น "เสี่ยโจ" พาทิศ ที่รั้งตำแหน่งรองเลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ ออกมาชี้แจงว่า สภากรรมการชุดของ พล.ต.อ.สมยศ หมดวาระ 4 ปีวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ และแม้ว่าจะสามารถจัดการเลือกตั้งได้ใน 90 วัน แต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์นั่นแหละดีแล้ว เพราะเขายังมีเรื่องต้องใช้อำนาจนายกสมาคมฯ ตัดสินใจอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าภาพศึกชิงแชมป์เอเชีย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี, การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ที่เริ่มต้นกันเดือนกุมภาพันธ์นี้อีก หากไม่มีนายกสมาคมฯ การเบิกจ่ายอาจมีปัญหา
แม้ว่าวันเลือกตั้งพวกเราในฐานะแฟนฟุตบอลจะไม่สามารถเข้าคูหากาบัตรเลือกตัวนายใหญ่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้ เนื่องจากเป็นอำนาจของสโมสรสมาชิกทั้ง 69 ทีม ที่ประกอบด้วย สโมสรไทยลีก 1 จำนวน 16 ทีม, สโมสรไทยลีก 2 จำนวน 18 ทีม, อันดับ 1-7 จากไทยลีก 3 โซนเหนือและโซนใต้ รวม 14 ทีม, อันดับ 1-3 จากการแข่งขันไทยลีก 4 ทั้ง 6 โซน รวมเป็น 18 ทีม, แชมป์อเมเจอร์ลีก (ไทยลีก5) 1 ทีม, แชมป์กับรองแชมป์ฟุตบอลลีกหญิง 2 ทีม
สำหรับสถานการณ์ล่าสุด ดูเหมือน พล.ต.อ.สมยศ จะค่อนข้างเป็นต่ออยู่มาก แต่บอกเลยหากประมาทคนที่มีประสบการณ์ในวงการฟุตบอลมาตั้งแต่หนุ่มยันแก่จนถึงขนาดส่งตัวเองก้าวไปอดีตบอร์ดองค์กรลูกหนังระดับโลกนั้น มีโอกาสตกม้าตายเหมือนกัน
ต้องยอมรับว่าข้อด้อยของอดีตผบ.ตร.คือผลงานทีมชาติไทยที่มันดันไม่เข้าเป้าแทบทุกชุดก็ว่าได้ นึกดูนะครับก่อนมาเป็นนายกสมาคมฯ ก็ไปขย่มไว้เยอะ แต่พอมาทำเองผลงานทีมชาติดันแย่กว่าเขาในสายตาแฟนบอล อันนี้ก็น่าปวดใจอยู่เหมือนกัน
และก็ไม่พลาดที่ "บังยี" จะหยิบยกเรื่องนี้มาโจมตี พล.ต.อ.สมยศ กันสนุก นอกจากนี้ยังเลือกที่จะพูดถึงสถานการณ์การยุบทีม ถอนทีมของสโมสรสมาชิกในยุคนี้ว่า เป็นความล้มเหลว
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือลีกภูมิภาค ที่เขายกตัวอย่างว่าเทอมสุดท้ายนั้นเซ็นสัญญาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดได้ 4,200 ล้านบาท พูดง่ายๆ คือเขากำลังชี้ทางให้เห็นว่าทีมลีกรากหญ้ายุคเขาได้สตางค์ และไม่ลำบากลำบนเหมือนปัจจุบัน
ทำให้หวนคิดได้ว่ายุคก่อนหน้า พล.ต.อ.สมยศ ตอนที่อีกฝ่ายเรืองอำนาจ ยุทธวิธีที่เขาจะเอาชนะ ก็คือการเข้าไปโน้มน้าวทีมเล็กๆ ทั้งหลายนี่แหละ เริ่มจากหั่นทีมที่มีสิทธิ์เลือกตั้งจาก 128 ทีมเหลือ 72 ทีม จากนั้นให้เลือกเอาทีมในลีกภูมิภาค 30 เสียงมาเลือกตั้ง ตอนนั้นถ้าจำกันได้มีวิชารขั้นสุด ด้วยการให้คนของตัวเองสวมสิทธิ์ไปเลือกตั้งก่อนที่ตัวแทนจริงๆ จะมาลงคะแนน แล้วก็ชูมือให้สื่อมวลชนถ่ายรูปสนุกเชียว
และครั้งนี้แม้เขาจะไม่มีสิทธิ์ร่างกฏ กติกา รวมถึงจัดการเลือกตั้งแล้ว แต่ก็ยังคงมุ่งเป้าหาทีมลีกรากหญ้าเหมือนเดิม ซึ่งก็ต้องดูแแหละครับว่าเขาจะมาไม้ไหนกันอีก