ความเคลื่อนไหวศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 8-26 มกราคม 2563 ใช้ 4 สังเวียนในการแข่งขัน ได้แก่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน, สนามติณณสูลานนท์, บุรีรัมย์ สเตเดียม และสนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
ล่าสุดสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือเอเอฟซี เดินทางมาตรวจสนามเมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ในช่วงเช้าเดินทางมาตรวจสนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ปรากฎว่าสภาพสนามเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พื้นสนามยอดเยี่ยม และมีการปูหญ้าเทียมบริเวณลู่วิ่งเพื่อใช้สำหรับเป็นพื้นที่ก่อนเข้ามานั่งสำรอง และพื้นที่ข้างสนาม ตามกฎของเอเอฟซี
โดยในวันที่ 3 มกราคม 2563 ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องส่งมอบสนามให้กับ เอเอฟซี ทั้ง 4 สนามอย่างเป็นทางการ เพื่อให้อยู่ภายใต้การดูแลของสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย จนกว่าจะจบทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว
ซึ่งทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ประสานงานมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ขอความร่วมมือไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในสนาม และปิดห้ามให้คนนอกเข้าไปใช้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตามช่วงเย็นของวันเดียวกันทาง เอเอฟซี เดินทางไปตรวจสนามอีกครั้งปรากฎว่าเกิดเรื่องช็อคขึ้น โดยสภาพสนามบริเวณด้านข้างที่ปูหญ้าเทียมตอนเช้าดูเรียบร้อยดี แต่ในช่วงเย็นมีนักวิ่งไปรื้อหญ้าเทียมออกจนเละเทะ เพื่อเปิดทางใช้ในการซ้อมวิ่ง จนถูกสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ตักเตือนว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เพราะนี่เป็นรายการใหญ่ระดับทวีป ไม่ใช่ระดับภูมิภาค
เรื่องดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิพากย์วิจารณ์เป็นอย่างมากในโลกโซเชียล โดยมีชาวเน็ตหลายคนระบุว่ากลุ่มบุคคลในที่มาซ้อมวิ่ง คือเหล่านักวิ่งทีมชาติไทยที่กำลังเก็บตัวไปลุยศึกชิงแชมป์เอเชีย ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งก็มีผู้เข้าไปทักท้วงว่าไม่ควรกระทำแบบนี้ เนื่องจากไทย กำลังเป็นเจ้าภาพหนึ่งในรายการที่ถือว่าใหญ่มากในฟุตบอลระดับเอเชีย และทำไมสมาคมกรีฑาฯ ถึงไม่รู้เรื่อง และไม่ประสานงานกับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ หรือไปซ้อมที่อื่นก่อนในช่วงเวลานี้
ทั้งนี้สมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เก็บตัวฝึกซ้อมที่สนามแห่งนี้มาเป็นเวลานาน