วันที่ 13 ธันวาคม 2562 เวลา 15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 24 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดงานแถลงข่าวความพร้อมของทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก่อนการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี (2020 AFC U-23 Championship) ขึ้น
โดยมี กรวีร์ ปริศนานันทกุล เลขาธิการสมาคมฯ เป็นประธาน พร้อมด้วย อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี พร้อมด้วยตัวแทนนักฟุตบอล เข้าร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้
ซึ่ง กรวีร์ ปริศนานันทกุล เลขาธิการสมาคมฯ กล่าวถึงความพร้อมของการจัดการแข่งขันว่า “วันนี้ ผมยินดีที่จะร่วมประกาศถึงความพร้อมของการเป็นเจ้าภาพของเราอีกครั้ง โดย ณ ตอนนี้ ทั้ง 4 สนาม อันประกอบไปด้วยสนามราชมังคลากีฬาสถาน และ สนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จังหวัดกรุงเทพมหานครและปริมณฑล, สนามติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา และสนามบุรีรัมย์ สเตเดี้ยม หรือช้าง อารีน่า จังหวัดบุรีรัมย์ มีความพร้อมที่จะจัดการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์สำคัญครั้งนี้แล้วเกือบ 100% ซึ่งผมคิดว่าหลังจากนี้คงมีการปรับปรุงและเพิ่มเติมในส่วนที่จำเป็นอีกบางส่วนเพื่อให้ทันตามกำหนดการอย่างแน่นอน”
“เช่นเดียวกัน เพื่อความสะดวกสบายของแฟนบอลที่ต้องการเข้าชมการแข่งขันในทุกๆ สนาม เราได้จัดให้มีการจำหน่ายตั๋วช่องทางออนไลน์ ซึ่งเริ่มต้นจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ไทยทิคเก็ตเมเจอร์”
“สำหรับทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปีของเรา รายการนี้ถือว่าเป็นรายการที่สำคัญ และทางสมาคมฯ ตั้งความหวังให้ทัพช้างศึกชุดนี้ สร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยม โดยสมาคมฯ มั่นใจว่าเราจะสนับสนุน และผลักดันในทุกๆ ด้านให้ทางโค้ช อากิระ นิชิโนะ และน้องๆ นักฟุตบอลทุกคนมีความพร้อมที่สุด ในการแข่งขัน เพื่อมอบความสุขให้กับแฟนฟุตบอลไทยเป็นของขวัญปีใหม่ในช่วงเดือนมกราคมที่จะถึงนี้”
“การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจของทางสมาคมฯ และประเทศไทย ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของเรา ที่จะได้บอกทั้งทวีปเอเชียว่า ประเทศไทยมีศักยภาพที่ดีในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติได้ ซึ่งผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้ เชิญชวนพี่น้องแฟนบอลทุกท่าน ร่วมให้กำลังใจทีมชาติไทยของเรา ช่วยกันส่งแรงเชียร์ให้ทัพช้างศึกประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ครับ”
สำหรับ อากิระ นิชิโนะ กล่าวว่า “สวัสดีสื่อมวลชนทุกท่านครับ สำหรับความพร้อมในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียนั้น เราจะมีการเก็บตัวในวันที่ 26 ธันวาคม และจะให้นักเตะได้หยุดอีกครั้งในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และจะเรียกนักเตะกลับมาฝึกซ้อม ในวันที่ 2 มกราคม”
“ซึ่งในระหว่างนั้น เราได้เตรียมแมตช์อุ่นเครื่องทั้งช่วงปลายปี และก่อนเข้าทัวร์นาเมนต์ เพื่อให้ผู้เล่นได้มีความพร้อมเต็มที่ก่อนถึงรายการชิงแชมป์เอเชีย U23 สำหรับผู้เล่นในรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ผมก็ได้สัมผัสกับพวกเขาแล้วในรายการซีเกมส์ และเราจะต่อยอดจากตรงนั้น”
สำหรับทีมชาติไทย จะลงสนามทั้ง 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งโปรแกรมการแข่งขันมีดังนี้
นัดแรก ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติบาห์เรน วันที่ 8 มกราคม 2563 เวลา 20.15 น.
นัดที่สอง ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติออสเตรเลีย วันที่ 11 มกราคม 2563 เวลา 20.15 น.
นัดสุดท้าย ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติอิรัก วันที่ 14 มกราคม 2563 เวลา 20.15 น.
สำหรับการซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขัน แฟนบอลทุกท่านสามารถซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันได้ ผ่านทางไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา หรือผ่านทางเว็บไซต์ของไทยทิคเก็ตเมเจอร์ บัตรราคา 400,300,200 และ 100 บาท ซึ่ง และบัตร 1 ใบ สามารถรับชมการแข่งขันได้ตลอดทั้งวัน ในสนามที่แฟนบอลซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขัน
ทั้งนี้ การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี จะแข่งขันในวันที่ 8-26 มกราคม 2563 โดยที่ทีมชนะเลิศ, รองชนะเลิศ และทีมอันดับ 3 ในการแข่งขันครั้งนี้ จะได้รับสิทธิ์เข้าแข่งขันฟุตบอลในกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น อีกด้วย