คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
จากจำนวน 92 เหรียญทอง 103 เหรียญเงิน 122 เหรียญทองแดง ของทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ในซีเกมส์ 2019 นอกจากจะเป็นรอง ฟิลิปปินส์ เจ้าภาพ ที่โกยไป 149 เหรียญทอง ยังเป็นรองจากทีมชาติเวียดนาม ที่เข้าป้ายอันดับ 2 ด้วยเหรียญทอง 96 เหรียญ ซึ่งแน่นอนว่ามันสะท้อนปัญหาของวงการกีฬาไทยอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเป็นการหลุดจาก 2 อันดับแรกในรอบ 28 ปีของทีมชาติไทย
ก่อนหน้านี้ การกีฬาแห่งประเทศไทย ออกมากำหนดเป้าหมายว่าซีเกมส์ ที่ฟิลิปปินส์ รอบนี้เราต้องได้ยินเสียงเพลงชาติไทยอย่างน้อยๆ 121 ครั้ง และแม้ไม่ได้เป็นเจ้าเหรียญทอง แต่เราก็ต้องชนะคู่แข่งในกีฬาสากลให้ได้ เพราะมันหมายถึงการพัฒนาในระดับที่ยั่งยืนถาวรของเรา
แต่เมื่อการแข่งขันเริ่มต้น ไม่ทราบว่าผลจากความไม่พร้อมของเจ้าภาพ ทั้งเจตนา และตั้งใจ นั้นส่งผลต่อปัญหาการคว้าเหรียญทองของทัพนักกีฬาไทยหรือไม่ แต่เห็นได้ชัดว่าช่วงวันแรกๆ หลังพิธีเปิดการแข่งขันนั้นกว่าจะได้แต่ละเหรียญทองนั้นยากเย็นเข็ญใจเหลือเกิน เราตกไปเป็นอันดับ 6 เป็นรองแม้กระทั่ง สิงคโปร์ และ มาเลเซีย ด้วยซ้ำ
ตอนนั้นใครไปถามผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการกีฬาไทยที่อยู่แดนตากาล็อก ก็ได้แต่รอยยิ้มแห้งๆ พร้อมกับคำปลอบใจแบบอ่อนโยนว่า เดี๋ยววันท้ายๆ เราจะมา ซึ่งก็มาจริงๆ แหละครับ แซงมาได้หลายชาติจนถึงอันดับ 2 เป็นรองแค่เจ้าภาพชาติเดียว แต่สุดท้ายก็โดน เวียดนาม แซงเข้าสู่หมายเลข 2 ของอาเซียนไปแบบงงๆ เมื่อถึงวันสุดท้าย
หากมาดูจำนวนกีฬาสากลนับเฉพาะที่มีการแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ ทีมชาติไทยเราเก็บมาได้ 46 เหรียญทอง ก็ยังแพ้ทั้ง ฟิลิปปินส์ 55 เหรียญทอง และ เวียดนาม 53 เหรียญทอง อยู่ดี สมาคมกีฬาที่ทำได้ดีคือ กรีฑา ทำไป 12 เหรียญทอง, เทควันโด 4 เหรียญทอง, จักรยาน 4 เหรียญทอง, ยูโด 4 เหรียญทอง, มวยสากลสมัครเล่น 3 เหรียญทอง, คาราเต้ 3 เหรียญทอง, วอลเลย์บอล 2 เหรียญทอง เป็นต้น
มาดูที่ เวียดนาม เขาได้เหรียญกีฬาสากลจาก กรีฑา 13 เหรียญทอง, ว่ายน้ำ 11 เหรียญทอง, มวยปล้ำ 8 เหรียญทอง, ฟันดาบ 4 เหรียญทอง, ยิมนาสติก 3 เหรียญทอง, ยิงธนู 3 เหรียญทอง และ ฟุตบอล 2 เหรียญทอง ฯลฯ
ขณะที่ชาติเจ้าภาพ ได้มากสุดจาก กรีฑา 9 เหรียญทอง, บาสเกตบอล 4 เหรียญทอง, มวยสากลสมัครเล่น 4 เหรียญทอง, ยูโด 4 เหรียญทอง, ไตรกีฬา 3 เหรียญทอง, ยิมนาสติก 3 เหรียญทอง, เรือกรรเชียง 3 เหรียญทอง, จักรยาน 3 เหรียญทอง ฯลฯ
เมื่อดูเทียบชนิดกีฬาสากลของ 3 ชาตินี้ จะเห็นได้ถึงความเก่งกาจของนักกีฬาเวียดนามว่าเขายอดเยี่ยมทั้งจาก กรีฑา, ว่ายน้ำ รวมถึง ฟันดาบ และ ยิมนาสติก ส่วนฟุตบอลเขาก็ได้ทั้งเหรียญทองฟุตบอลชาย และหญิง ต้องยอมรับว่า เวียดนาม คือเจ้าอาเซียนที่แท้จริง
ตอนนี้น่าจะถึงเวลาที่การกีฬาแห่งประเทศไทย รวมถึงผู้ว่าการฯ จะทำงานให้สมกับเงินเดือนหวิด 2 แสนบาท และโบนัสกว่า 7 แสนบาทที่เพิ่งได้รับการอนุมัติจากบอร์ด กกท.ว่ามีฝีมือคุ้มค่ากับเงินเดือนแค่ไหน?