พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ชื่นชม สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และจ.บุรีรัมย์ ว่ามีความพร้อมเต็มร้อยในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี หลังเดินทางพร้อมคณะเยี่ยมชมด้วยตาตัวเอง มั่นใจจะช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวมหาศาลเข้าสู่ประเทศไทย
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม 2560 พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะประกอบด้วย นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เดินทางตรวจและเยี่ยมชม สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เพื่อเตรียมการสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี ในปี 2018-2020 โดยมี นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และทุกภาคส่วนให้การต้อนรับ
สำหรับการเดินทางเยือน จ.บุรีรัมย์ ครั้งนี้ พลเอกธนะศักดิ์ พร้อมคณะได้เข้ารับฟังข้อมูลต่างๆ ของสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จาก นายเนวิน ชิดชอบ ประธาน บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด และนายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด
โดยได้เดินทางเยี่ยมชมห้องควบคุมการแข่งขัน หรือเรซคอนโทรลที่ทันสมัยที่สุดในโลก รวมถึงส่วนต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญต่อการจัดการแข่งขัน ก่อนจะนั่งรถบัสลงทัวร์รอบสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เพื่อสัมผัสทุกโค้งของสนาม
พลเอกธนะศักดิ์ เปิดเผยว่า "ต้องบอกว่าการจัด โมโตจีพี ไม่ได้ถือว่าประเทศเราเสียประโยชน์ เรามีแต่ได้ผลประโยชน์สู่ประเทศจากการลงลงทุนที่ไม่สูงเลย แต่ได้ทั้งชื่อเสียงและเม็ดเงินเข้าประเทศ นอกจากนี้ยังช่วยกระจายรายได้ให้ประชาชน จากการนำนักท่องเที่ยวมาสู่ประเทศไทย 200,000 คน และจากการถ่ายทอดสดจะทำให้คนทั่วโลกกว่า 600-800 ล้านคน ได้เห็นศักยภาพของประเทศไทย“
"นอกจากการแข่งขันแล้ว เราต้องคิดอีเวนต์โดยรอบเพื่อช้อนผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวของประเทศให้ได้มากที่สุดในช่วงเดือนดังกล่าว”
"ผมขอให้จังหวัดบุรีรัมย์เป็นศูนย์กลางของการจัดแคมเปญท่องเที่ยวภาคอิสานในช่วง โมโตจีพี เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกัน ในการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ"
ขณะเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “การเดินทางมาวันนี้ผมมีจุดมุ่งหมาย 2 อย่าง คือการเดินทางมาชมให้เห็นกับตาตัวเอง อยากขอบคุณ จ.บุรีรัมย์ และสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่มีความพร้อมเต็มร้อย ถ้าทางนี้ไม่พร้อมเราคงไม่มั่นใจที่จะลงมาลุยเรื่อง โมโตจีพี ผมมั่นใจที่นี่อยู่แล้ว ยิ่งได้มาเห็นกับตายิ่งมั่นใจในศักยภาพของ สนามช้าง และ จ.บุรีรัมย์”
“อีกนัยยะหนึ่งของการมาวันนี้คือ การมาประกาศคิกออฟการเตรียมตัวว่าไทยจะเริ่มทำงานเกี่ยวกับ โมโตจีพี อย่างเป็นทางการประกาศว่าเราเดินหน้าเต็มที่ และมาขอบคุณสนามที่ทีมาตรฐาน และคุณภาพที่สมบูรณ์แบบจริงๆ”
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้รับข้อตกลงจาก ดอร์น่า สปอร์ต ฝ่ายจัดการแข่งขันโมโตจีพี ให้เป็นสังเวียนดวลความเร็วในฤดูกาล 2018-2020 เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน โดยถูกวางเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขัน จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนตุลาคมปีหน้า นอกจากนี้ ยังถูกคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสนามทดสอบช่วงวินเทอร์เทสต์ ซึ่งถือเป็นปฏิทินสำคัญในการพัฒนารถแข่งของแต่ละทีม โดยจะมีขึ้นในวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ปีหน้า