เซเรนา วิลเลียมส์ อดีตนักเทนนิสหญิงหมายเลข 1 ของโลก เขียนบทความเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้ค่าแรงเท่าเทียมกัน ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งคนผิวสีได้รับแค่ 63 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดเทียบกับเพศชาย
แชมป์ แกรนด์ สแลม 23 สมัย บรรยายความแตกต่าง ผู้หญิงผิวสีต้องตรากตรำทำงานหนักกว่าถึง 8 เดือน แลกกับการรับเงินเข้ากระเป๋าเท่ากับเพศชายรอบ 1 ปี และต่ำกว่าเพศหญิงผิวขาว 17 เปอร์เซ็นต์
จอมเก๋าวัย 35 ปี แชร์ประสบการณ์ของตัวเอง ตอกย้ำการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อหญิงผิวสี "ฉันเคยไม่ได้รับการให้เกียรติจากเพื่อนร่วมงานเพศชาย และสิ่งที่น่าเจ็บปวดแบบสุดๆ คือ ฉันตกเป็นเป้าเหยียดผิวทั้งในและนอกสนามเทนนิส"
หวดชาวอเมริกัน เคยถูกฝ่ายชายเหยียดหยามหลายครั้ง ทั้งประเด็นเกี่ยวกับเพศ และ สีผิว เริ่มตั้งแต่ปี 2016 เรย์มอนด์ มัวร์ ซีอีโอ ศึก ดับเบิลยูทีเอ ทัวร์ ที่เมืองอินเดียน เวลล์ส เผยว่า นักเทนนิสหญิงต้องพึ่งพาความโด่งดังของฝ่ายชายอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ กับ ราฟาเอล นาดาล จึงจะเป็นที่นิยม ต่อมา อิลี นาสตาเซ กัปตันทีม โรมาเนีย คอมเมนต์ถึงผิวสีของลูกที่ยังไม่เกิด และล่าสุด จอห์น แม็คเอ็นโร ตำนานเพื่อนร่วมชาติ ยังเหน็บแนม เซเรนา น่าจะถูกจัดอยู่อันดับ 700 ของโลก หากอยู่บนสังเวียนเดียวกับเพศชาย
"โชคดีเหลือเกิน ฉันได้รับแรงขับเคลื่อน และการสนับสนุนของครอบครัว รวมถึงเพื่อนๆ ให้ฉันก้าวไปข้างหน้า แต่ความอยุติธรรมก็ยังคงทำร้ายฉัน ฉันเป็นเพียงไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จด้านการเงินเกินกว่าที่คาดไว้ แต่วันนี้มันไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่เป็นหญิงผิวสี 24 ล้านคนของ อเมริกา หากฉันไม่ได้จับแร็กเก็ต ฉันก็คงเป็นหนึ่งในนั้น"
"วัฏจักรของความยากจน , การแบ่งแยก และการเหยียดเพศ ช่างยากเย็นแสนเข็ญเกินกว่าจะทำลายลงได้ เหมือนสถิติแชมป์ แกรนด์ สแลม มันจะต้องอาศัยพลังของเราทุกคน ทั้งเพศชาย และหญิงทุกสีผิว ซึ่งตระหนักถึงความไม่เป็นธรรม หญิงผิวสีต่างกลัวที่จะเรียกร้องค่าแรงเท่าเทียม ทุกครั้งที่คุณทำ คุณกำลังทำให้มันง่ายขึ้นสำหรับผู้หญิงที่อยู่เบื้องหลังคุณ ลุกขึ้นทวงสิทธิ์อีก 37 เปอร์เซ็นต์ของคุณสิ"