เดอะ การ์เดียน และ สเตรท ไทมส์ สำนักข่าวชื่อดังจากต่างประเทศ รายงาน บริษัท คิง เพาเวอร์ ของสองพ่อลูกตระกูล ศรีวัฒนประภา ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการคอร์รัปชันในเมืองไทย จำนวนเงินกว่า 14,000 ล้านบาท และหากมีความผิดจริงก็จะหมดสิทธิ์เป็นเจ้าของสโมสร เลสเตอร์ ซิตี อีกต่อไป
บริษัท คิง เพาเวอร์ จำกัด ที่บริหารงานโดย วิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ดำรงตำแหน่งประธานสโมสร เลสเตอร์ ซิตี แชมป์ลูกหนัง พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2015/16 ร่วมกับนาย อัยยวัฒน์ ลูกชาย ตกเป็นผู้ต้องหาจากการผิดข้อตกลงเรื่องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้แก่รัฐบาลไทย จากธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีชื่อดัง ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
รายงานระบุถึง นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ รองประธานคณะอนุกรรมการปราบปรามการทุจริต ผู้ซึ่งออกมาชี้แจงรายละเอียด ว่า ทาง คิง เพาเวอร์ ได้สมคบคิดกับพนักงานประจำสนามบิน จ่ายเงินรายได้จากร้านค้าปลอดภาษีให้แก่รัฐบาลเพียงแค่ 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ผิดจากข้อตกลงที่กำหนดไว้ว่าต้องจ่าย 15 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ เดอะ การ์เดียน วิเคราะห์ว่า จำนวนเงินดังกล่าวนั้น มีมูลค่าถึง 327 ล้านปอนด์ (ประมาณ 14,345 ล้านบาท) โดย นายชาญชัย ที่ยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาลไปแล้ว เรียกร้องให้มีการลงโทษ บริษัท คิง เพาเวอร์ ข้อหากระทำความผิด และพิจารณาริบทรัพย์กลับสู่รัฐบาล
นายชาญชัย ยังระบุต่ออีกว่า นอกจากเรื่องคดีข้างต้นแล้ว ยังเตรียมที่จะดำเนินคดีกับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ อีก 4 คดีด้วยกัน โดยคาดว่า จะมีการส่งฟ้องศาลภายในระยะเวลา 2 เดือน และศาลจะตัดสินพิจารณารับคำฟ้อง วันที่ 25 กรกฎาคม ต่อไป
สุดท้าย แม้ยังไม่มีการยืนยันว่าคดีดังกล่าวจะส่งผลอย่างไรต่อสโมสร “จิ้งจอก” ที่กำลังโลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุด แต่ตามกฎของ พรีเมียร์ ลีก มีการระบุว่า ห้ามบุคคลหรือนักธุรกิจที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดทางอาญา ถือหุ้น 30 เปอร์เซ็นต์ หรือเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอล และหากผิดจริงพวกเขาก็จะหมดสิทธิ์บริหารทีมเลสเตอร์