พรรษา เหมวิบูลย์ กองหลังป้ายแดงทีมชาติไทย ที่เพิ่งลงสนามนัดอุ่นเครื่องแพ้ อุซเบกิสถาน 0-2 ยอมรับยังไม่พอใจกับฟอร์มการเล่นของตัวเองนัก แต่หากว่าคุณพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วได้อยู่ด้วยวันนี้คงรู้สึกดีใจมาก
นักเตะกองหลังวัย 26 ปี ที่เคยเล่นกับ จามจุรี ยูไนเต็ด, ทีโอที เอสซี และ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ก่อนฉายแว่วเด่นจน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต้องคว้ามาร่วมทีม เมื่อก่อนเปิดฤดูกาล 2017 และมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในยุคของ มิโลวาน ราเยวัช รวมถึงได้รับโอกาสให้ลงเล่นจนครบ 90 นาที ในการอุ่นเครื่องแพ้ อุซเบกิสถาน 0-2
โดย พรรษ หรือ “โย่ง” กล่าวถึงเกมนัดนี้ ว่า “ส่วนตัวก็พอใจเกมแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ยังมีความผิดพลาด และผมน่าจะทำได้ดีกว่านี้ การเล่นตำแหน่งกองหลัง ผมคิดเสมอว่าถ้าไม่เสียประตู นั่นคือประสบความสำเร็จ แต่เกมนี้ก็ถือว่าใช้ได้ เพราะเราเพิ่งรวมตัวกัน จากนี้ต้องเอาจุดบกพร่องกลับไปแก้ไข และเกมนี้ผมให้ตัวเองแค่ 5 จากคะแนนเต็ม 10 เท่านั้น”
ขณะเดียวกัน กองหลังชาวจันทบุรี กล่าวถึงคู่หูเซนเตอร์ฮาล์ฟในเกมนี้ อย่าง เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว กองหลังวัย 30 ปี จากสโมสร นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ว่า “เขาเป็นรุ่นพี่ที่ดีมาก คอยบอกคอยสอนเราตลอด ที่สำคัญ เราสื่อสารกันได้ดี เช่น เวลาหลังเข้าเราก็จะคอยบอกกัน จังหวะปะทะจะมีคนหนึ่งซ้อน คนหนึ่งรองตลอด ก็ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี แต่เรายังต้องใช้เวลาเรียนรู้กันมากกว่านี้”
นอกจากนี้ พรรษา กล่าวถึงการติดทีมชาติครั้งแรกด้วยว่า ทำให้ตนนึกถึงคุณพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว “พ่ออยากเห็นความสำเร็จของผม อยากเห็นผมเติบโตขึ้นเป็นนักฟุตบอลอาชีพ อยากเห็นผมเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ เขาเคยพูดเสมอว่าเมื่อไหร่จะติดทีมชาติ พ่ออยากเห็นผมติดทีมชาติตั้งแต่เด็กๆ ผมว่าความสุขของเขาคือการเห็นผมเล่นฟุตบอล”
“วินาทีที่ติดทีมชาติ ผมบอกตรงๆ ว่าช็อกมาก ผมนึกถึงพ่อขึ้นมาทันที ถ้าตอนนี้พ่ออยู่ พ่อคงดีใจมาก ที่วันนี้ผมก้าวลงสนามในฐานะนักฟุตบอลทีมชาติได้สำเร็จ และมันเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตของผมรวมถึงครอบครัว จากนี้ผมจะทำงานหนักต่อไป ทำงานให้หนักขึ้นไป เพื่อรักษาโอกาสตรงนี้ไว้ให้ได้” พรรษา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ทีมชาติไทย จะมีการเรียกตัวผู้เล่นกันใหม่อีกครั้งในการเปิดบ้านทำศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย พบสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในวันอังคารที่ 13 มิถุนายนนี้