คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
การที่สโมสร เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ตัดสินใจปล่อยตัว ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งออกไปเดินตามความฝันกับลีกญี่ปุ่น กับสโมสร ฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร ที่เพิ่งเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด โดยมีสัญญาของ "เจ" กับต้นสังกัดใหม่จะเริ่มนับกันเมื่อถึงเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งยังไม่ทันที่จะย้ายไปแดนปลาดิบ "ทรูวิชั่น" ก็มือไวควักสตางค์ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอล "เจลีก" มาถ่ายทอดสดให้แฟนๆ ได้ยลฝีเท้าดาวเตะลีกหัวแถวของเอเชีย และยังได้ตามเชียร์ลูกชาย "พ่อจุ้ง" ก้องภพ สรงกระสินธ์ กันอีก
สำหรับห้วงเวลาการย้ายออกจาก เอสซีจี สเตเดียม ของ ดาวเตะวัย 23 ปี รายนี้ก็เหมือนว่าจะเหมาะสมแก่เวลาแล้ว เนื่องจากหมดสิ้นภารกิจช่วย เมืองทอง ยูไนเต็ด ในเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก หลังจบเส้นทางสายลูกหนังเอเชียที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เท่าที่ทราบคือ เจ ได้รับการติดต่อจาก คอนซาโดเล มาแล้วตั้งแต่ก่อนตอนยังอยู่ เจ 2 ตอนนั้นผู้บริหาร "กิเลนผยอง" เขาก็กังวลว่าระดับนักเตะที่ได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม ซูซูกิ คัพ 2 สมัย ควรจะได้เล่นในเจลีกมากกว่า เจ 2 แต่ปรากฏว่าผ่านไป 1 ปี สโมสรตัวแทนจากเมืองฮอกไกโด สามารถเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้ ถือว่าคุณสมบัติผ่านเกณฑ์
อีกเรื่องที่กังวลกันคือสภาพอากาศของ ฮอกไกโด ที่ค่อนข้างหนาวเย็นมาก จึงเลือกช่วงเวลาเดือนกรกฎาคมที่อุณหภูมิจะไม่หนาวเหน็บเหมือนช่วงต้นปี เพื่อให้นักเตะผู้คุ้นเคยกับสภาพอากาศร้อนชื่นปรับตัวได้ง่ายขึ้น เรื่องนี้อาจจะขัดกับกูรูลูกหนังอย่าง วิทยา เลาหกุล ที่เคยชินกับการร่วมงานฟุตบอลที่ญี่ปุ่นพอสมควร เพราะ "โค้ชเฮง" อยากเห็น ชนาธิป ไปญี่ปุ่นตั้งแต่เปิดฤดูกาลเจลีกเลย ด้วยเหตุผลว่าจะได้มีเวลาปรับตัวนานขึ้น การไปช่วงครึ่งฤดูกาลหลังอาจปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ยากสักหน่อย
มีคนสงสัยว่าการที่ ชนาธิป ลุยเจลีก ครั้งนี้เขาจะได้รับโอกาสให้ลงสนามสม่ำเสมอหรือไม่ เพราะในทีม คอนซาโดเล มีทั้ง ชุนอิจิ อินาโมโตะ อดีตดาวเตะที่เคยไปค้าแข้งกับ อาร์เซนอล ฟูแลม รวมถึง ชินจิ โอโนะ ที่เคยเล่นกับ เฟเยนูร์ด ในฮอลแลนด์ อีกทั้งยังมี ฮิโรกิ มิยาซาวา ผู้เล่นหมายเลข 10 และเป็นกัปตันทีม นอกจากนี้ยังมี ฮูลิโญ กองกลางชาวแซมบ้า ขวางทางอยู่อีก อีกทั้งยังต้องปรับตัวกับการเล่นในลีกคุณภาพคับแก้วของทวีปอย่างเจลีก ซึ่งที่ผ่านมา โยชิคาซุ โนโนมูระ ประธานสโมสร คอนซาโดเล เคยกล่าวว่า "ชนาธิป ครองบอลได้ดี จ่ายบอลคิลเลอร์พาสดี เลี้ยงบอลสร้างเกมรุกได้ แต่ต้องปรับตัวเข้ากับการเล่นในเจลีกให้ได้ เพราะอาจมีโอกาสครองบอลแค่ 2-3 นาที หลังจากนั้นคือการเคลื่อนที่โดยไม่มีบอล นี่คือสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้"
ที่สำคัญดูเหมือนสถานการณ์ของ คอนซาโดเล ในลีกสูงสุดฤดูกาลแรกจะค่อนข้างหน้าเป็นห่วง เมื่อรั้งอันดับ 15 จากทั้งหมด 18 ทีม โดยแข่งขันไปแล้ว 13 นัด มี 12 คะแนน จากชัยชนะ 3 เสมอ 3 และแพ้ 7 นัด ยิงได้ 11 ประตู เสียไป 19 ประตู ต้องรอชมว่าการมาของ นักเตะที่ได้ฉายา "เมสซีไทย" จะปลุกเจ้านกอินทรี "โดเร่-กุน" ให้ฟื้นได้หรือไม่?
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *