“ช้างศึก” ยกพลบุกเมียนมา ตัดเชือกซูซูกิ คัพ นัดแรก “ซิโก้” เห็นจุดอ่อนยังไม่เก๋า วางแผนแก้ลำบอลห้าว เน้นรัดกุม เล่นตามเกมเรื่อยๆ หวังคว้าชัยก่อน เพื่อทางสะดวกในนัด 2 ด้าน “กัปตันมุ้ย” ไม่มองถึงดาวซัลโว เน้นช่วยทีมถึงฝั่งฝัน
หลังจากทีมชาติไทยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเก็บชัยชนะ 3 นัดรวด เข้ารอบรองชนะเลิศ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2016
ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม นักฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ และสตาฟฟ์โค้ช รวมตัวกันที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางทำศึกฟุตบอลเอเอฟเอฟซูซูกิ คัพ 2016 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก พบกับทีมชาติเมียนมา ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 301
“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย กล่าวว่า แผนการซ้อมของไทย เมื่อเดินทางถึง จะยืดเส้นยืดสายเบาๆ บริเวณโรงแรม วันรุ่งขึ้นไปซ้อมที่ อองซาน สเตเดียม จากนั้นวันที่ 3 ธ.ค. ซ้อมที่สนามแข่งจริง ธุวันนา สเตเดียม โดยการพบกับ เมียนมา ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน เพราะคู่แข่งแข็งแกร่ง นักเตะอายุน้อย วิ่งไม่มีหมด นอกจากนี้ การเล่นต่อหน้าแฟนบอล ทำให้มีแรงฮึดมากขึ้น
“เราต้องการสามแต้มทุกๆ เกมอยู่แล้ว เราต้องไม่ประมาท พม่าเองเป็นทีมที่มีวัยรุ่นเยอะ แข็งแกร่งเวลาเล่นในบ้าน และแฟนบอลที่เด็กทุกคนค่อนข้างฟิต ก็ถือว่าหนัก ประสบการณ์ของนักเตะเราเอง น่าจะมีมากกว่าด้วยซ้ำไป เราต้องเล่นเกมให้ละเอียด เราเชื่อว่าเราได้สามแต้มจากพม่า วันที่ 8 เราก็น่าจะผ่อนคลาย ทุกคนน่าจะมีความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์”
“พม่าเขาเล่นต่อหน้าแฟนบอล พลังวัยรุ่นที่ไม่มีหมด 90 นาที เรารู้จุดอ่อนของเขาในเรื่องประสบการณ์ เรื่องการคอนโทรลบอล ที่ยังไม่ละเอียด เราต้องเปิดเกมทั้งเกมรุกและเกม ในเกมอาเซียนเราก็คงไม่รับอย่างเดียว”
ด้าน “กัปตันมุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทย ซึ่งยิงในรายการนี้แล้ว 3 ลูก และเคยทำแฮตทริกใส่แข้งสกุลหม่อง ในการพบกันรายการนี้ เมื่อปี 2012 กล่าวว่า ส่วนตัวแล้ว ยังไม่เคยได้แชมป์อาเซียน จึงอยากทำให้สำเร็จ นักเตะทุกคนมุ่งมั่นจะคว้าแชมป์ให้ได้ ตนเองยังไม่คิดถึงการชิงตำแหน่งดาวซัลโว ขอให้ทีมชนะเป็นเป้าหมายแรก นัดแรกอย่างน้อยต้องเสมอ หรือหากชนะจะทำให้งานง่ายขึ้น
ทั้งนี้ ช้างศึก จะดวลแข้งนัดตัดเชือก เกมแรกกับ เมียนมา วันที่ 4 ธันวาคมนี้ ที่ ธุวันนา สเตเดียม เวลาไทย 18.30 น. ช่อง 7 สี ถ่ายทอดสด ก่อนจะกลับมาเตะที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 8 ธันวาคม อีกคู่ อินโดนีเซีย พบ เวียดนาม เตะ วันที่ 3 และ วันที่ 7 ธันวาคมนี้เช่นกัน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *