เอเยนซี - หลังการขับเคี่ยวอันยาวนาน 21 เรซ ศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก ฤดูกาล 2016 ก็ปิดฉากลงพร้อมกับแชมป์โลกคนใหม่ นิโค รอสเบิร์ก นักแข่งจาก เมอร์เซเดส เอเอ็มจี ที่จารึกชื่อตัวเองเข้าสู่ทำเนียบเกียรติยศได้สำเร็จหลังพารถเก็บคะแนนได้ตามเงื่อนไขเมื่อจบการแข่งขันเรซสุดท้ายที่ อาบู ดาบี ค่ำคืนวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา สิ้นสุดการรอคอยอันแสนยาวนานบนเส้นทางความเร็วสายนี้
ก่อนลงสนาม ยาส มารินา เซอร์กิต รอสเบิร์ก เสียเปรียบเรื่องออกสตาร์ทเนื่องจากอยู่อันดับ 2 ตาม ลูอิส แฮมิลตัน เพื่อนร่วมทีมที่มุ่งหมายหยิบแชมป์โลกสมัยที่ 4 โดยสิ้นสัญญาณไฟ นักซิ่งจากเยอรมัน ขับประคองตัวรักษาตำแหน่งที่ 2 เอาไว้ตลอด 55 รอบสนาม แม้จะโดนเพื่อนร่วมชาติ เซบาสเตียน เวทเทล จาก เฟอร์รารี ไล่จี้จากที่ 3 แต่ยังคุมสมาธิไว้ได้ ก่อนจบที่ แฮมิลตัน ได้แชมป์ประจำสนามแต่แต้มสะสมไม่เพียงพอส่งให้ รอสเบิร์ก ได้แชมป์โลกตามเงื่อนไข เหนือกว่า แฮมิลตัน 5 แต้ม
เจ้าของแชมป์โลกคนที่ 33 ในวงการรถสูตรหนึ่ง ปีนี้ผลงานร้อนแรงกว่าที่ผ่านมา โกยแชมป์ 9 สนามบวกกับอีก 7 โพเดียม เก็บคะแนนสะสมไปทั้งสิ้น 385 แต้ม หลังจากเฉียดไปเฉียดมาในช่วง 2 - 3 ปีหลัง และยังได้สลักชื่อเป็นนักแข่งคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ได้แชมป์โลกตามรอยเท้าคุณพ่อของตัวเองคือ คิเค รอสเบิร์ก ที่เคยทำไว้เมื่อปี 1982 แถมยังเป็นพ่อ - ลูก คู่ที่สองของวงการที่ครองแชมป์โลกต่อจากคู่ของ เกรแฮม และ เดมอน ฮิลล์ ทำไว้เมื่อปี 1962, 1968 และปี 1996
หลังจบการแข่งขัน นักแข่งวัย 31 ปี ที่ได้ฉลองแชมป์กับทีมงานรวมถึงคุณแม่ และ วิเวียน ภรรยาคู่ชีวิต กล่าวว่า “มันไม่ใช่การแข่งขันที่สนุกเท่าใดนัก เพราะถูกไล่ตามอย่างหนัก ดังนั้น จึงรู้สึกดีใจเหลือเกินที่มันจบลงเสียที และไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้มีวันนี้ ผมอยากมอบชัยชนะนี้ให้กับภรรยา (วิเวียน) เธอเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก และลูกสาวของเรา อาไลยา มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ”
ด้านผู้แพ้อย่าง แฮมิลตัน ที่ฮึดสู้เก็บแชมป์ 4 สนามติดในช่วงท้ายปลายทางแต่ไล่ไม่ทัน ก็กล่าวชื่นชมเพื่อนร่วมทีมอย่างให้เกียรติ “ผมชนะวันนี้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เรซนี้ได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว ผมกับ นิโค สู้กันเพื่อแชมป์ เขาขับได้อย่างน่าทึ่งตลอดทั้งฤดูกาล และสมควรแล้วกับรางวัลที่ได้”
ก่อนหน้านี้ รอสเบิร์ก มักได้รับฉายาจากสื่อทำนองว่าเป็นนักแข่งที่อยู่ในกลุ่ม “พระรอง” มาตลอด ไล่ตั้งแต่เป็นคู่หูกับ มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ตำนานแชมป์โลก 7 สมัยรุ่นพี่ตั้งแต่ปี 2010 ไม่มีความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันให้พูดถึง ครั้นเมื่อ เวทเทล ประสบความสำเร็จได้แชมป์โลก 4 สมัยตอนขับกับ เรด บูลล์ ก็ยิ่งถูกนำมาเปรียบเทียบ รวมถึง แฮมิลตัน ที่ย้ายมากอบโกยแชมป์โลกตัดหน้า แต่ในที่สุดด้วยประสบการณ์บวกฝีมือการขับขี่ที่พัฒนาขึ้นก็ทำให้วันนี้ เขาไม่ใช่เป็นเพียงพระรองในสายตาของผู้ชมอีกต่อไป
สำหรับการแข่งขันฤดูกาลหน้า นอกจาก รอสเบิร์ก จะต้องกลับมาป้องกันแชมป์ ยังอาจเป็นปีที่น่าสนใจของฝั่ง เรด บูลล์ เมื่อพวกเขาแก้ไขเครื่องยนต์ของตัวเองที่เคยเป็นจุดบอดเมื่อ 2 ปีก่อน กลับมาสู้กับ เมอร์เซเดส ได้อย่างสูสี ยิ่งไปกว่านั้นคือมีไลน์อัพนักซิ่งที่แข็งแกร่งคือ แดเนียล ริคคิอาร์โด กับ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน เจ้าหนูวัย 19 ปี จาก เนเธอร์แลนด์ รายหลังผลงานเตะตากรรมการหยิบแชมป์ที่ คาตาลุนญา และกวาดโพเดียมอีก 6 สนามจนสามารถพาตัวเองขึ้นมาจบอันดับ 5 ของตารางชิงแชมป์โลกได้ ถึงจะถูกวิจารณ์เรื่องการขับขี่ที่มุทะลุดุดัน กล้าชนทุกสิ่งที่ขวางหน้าจนทำให้เพื่อนร่วมอาชีพได้รับผลกระทบหลายครั้ง แต่ก็ถือเป็นสีสันถูกใจแฟนความเร็วขาโหดไม่น้อย
แม้จะเป็นฤดูกาลที่เต็มไปด้วยความน่าเบื่อ เพราะมีนักแข่งที่ลุ้นแชมป์โลกอยู่แค่ 2 คน บวกกับความนิยมจากคนดูที่เริ่มถดถอยจนมีข่าวคราวผู้จัดสนามต่างๆ ไม่ต่อสัญญารับหน้าเสื่อจัดการแข่งขันในอนาคต แต่การได้แชมป์โลกของ รอสเบิร์ก บวกกับผลงานของ เรด บูลล์ ที่กลับมาคืนฟอร์มในช่วงครึ่งหลังก็ยังทำให้ปีนี้ยังคงมีอะไรให้พูดถึงกันอยู่บ้างเช่นกัน ก่อนที่นักแข่งและคนดูจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนแล้วกลับมาเจอกันอีกครั้งในปีหน้า
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
