โมเมนตัมเท “เชลซี” โอกาสยืนระยะยาว ถ้าเกมหน้าผ่าน “เรือใบ”

เอเยนซี - เชลซี นั่งจ่าฝูง พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ต่อไปอีก 1 สัปดาห์ หลังแมตช์ยัดเยียดความปราชัยแรกฤดูกาลนี้แก่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เกมที่เปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทำศึก ลอนดอน ดาร์บี แมตช์ เฉือนชนะ 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

ย้อนไปเมื่อต้นฤดูกาล เชลซี ออกสตาร์ทคว้าชัย 3 นัดรวด แต่จากนั้นก็ถูกวิจารณ์หนักไม่น้อยเริ่มตั้งแต่เสมอ สวอนซี ซิตี 2-2 ก่อนจะแพ้ 2 นัดรวดแก่ ลิเวอร์พูล 1-2 กับ อาร์เซนอล 0-3 ทว่า ตอนนี้สถานการณ์กลับตาลปัตรนั่งจ่าฝูงด้วยการมี 31 แต้มจาก 13 นัด ทิ้ง “หงส์แดง” กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี แต้มเดียว

เกมที่ชนะ สเปอร์ส ทางด้าน เชลซี เสียประตูแรกรอบ 7 เกม หรือ 601 นาทีจาก คริสเตียน อิริกเซน ทว่า เปโดร โรดริเกวซ กับ วิคเตอร์ โมเซส ช่วยกันยิงแซงทำให้คว้าชัย 7 นัด รวดยิงไปถึง 19 ประตูรวมแล้ว 29 ประตู ถือว่ามากสุดเป็นอันดับ 2 ในลีกรองจาก ลิเวอร์พูล ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทุกคนตีตราว่า อันโตนิโอ คอนเต ที่เพิ่งเข้ามากุมบังเหียนปีแรกว่าคือโค้ชจอมอุด

คอนเต มีดีกรีไม่ธรรมดาพา ยูเวนตุส เป็นแชมป์ กัลโช เซเรีย อา อิตาลี 3 สมัย ก่อนที่ซัมเมอร์ที่ผ่านมาจะนำทีมชาติอิตาลีเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูโร 2016 โดยเสมอ เยอรมนี 1-1 ตามด้วยแพ้จุดโทษ 5-6 ที่ยิงกันไปรวม 2 ฝั่ง ถึง 18 คน

คอนเต ให้สัมภาษณ์หลังเกมชนะ สเปอร์ส ว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องแชมป์ เพราะ พรีเมียร์ ลีก เป็นเวทีที่ยากมาก แมตช์นี้คู่แข่งแสดงให้เราเห็นแล้วว่ามี 6 - 7 ทีม ที่สามารถเป็นแชมป์ได้”

“สิ่งสำคัญที่สุด คือ เชลซี ต้องพยายามรักษาแนวทางการเล่นของตนเอง และเล่นให้ดีขึ้นในทุกๆ แมตช์ โดยอย่าไปมองถึงเกมที่อยู่ตรงหน้า เราต้องเน้นกันนัดต่อนัด ไม่ง่ายเลยที่ตามหลัง 0-1 เพราะคุณต้องแสดงความกระหายที่จะกลับมาชนะ ดังนั้น ผมพอใจมาก” อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลี ทิ้งท้าย

ในศึก ยูโร 2016 คอนเต ใช้ระบบ 3-5-2 ที่ฟุตบอลอิตาลีค่อนข้างช่ำชอง ก่อนที่จะมาคุม เชลซี ซึ่งก็จับทางอยู่นานก่อนที่จะลงตัวในระบบ 3-4-3 หรือ 3-4-2-1 ที่มีวิงแบ็ก 2 ข้างต้องรับผิดชอบเกมรุก - รับ คือ มาร์กอส อลอนโซ กับ วิคเตอร์ โมเซส

เกมหน้าถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ เชลซี ต้องไปเยือนถิ่น เอติฮัด สเตเดียม ของ แมนฯซิตี ที่แมตช์ล่าสุดในลีกวันเดียวกัน คือ 26 พฤศจิกายน บุกไปเอาชนะ เบิร์นลีย์ แบบหืดจับ 2-1 โดยได้ประตูจากการยิงเบิลของ เซร์คิโอ อกูเอโร ดังนั้น จ่าฝูงอาจเปลี่ยนมือในสัปดาห์หน้า เนื่องจาก ลิเวอร์พูล จะไปเยือน บอร์นมัธ

แมนฯซิตี ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา นั้น ออกสตาร์ทชนะ 6 นัดรวด ก่อนสะดุดแพ้ สเปอร์ส 0-2 ตามด้วยเสมอ เอฟเวอร์ตัน กับ เซาแธมป์ตัน 1-1 ทั้งคู่ โดย 3 นัดหลังสุดนั้นเสียประตูทุกนั้น แสดงให้เห็นถึงเกมรับที่มีปัญหา เกมล่าสุดที่ชนะ เบิร์นลีย์ ยังขาดคู่เซนเตอร์ แวงซองต์ กอมปานี กับ จอห์น สโตนส์

หลังเกมที่ เทิร์ฟ มูร์ เป๊ป กล่าวว่า “เรากำลังจะเจอกับทีมที่ดีที่สุดใน พรีเมียร์ ลีก เชลซี เล่นได้เหลือเชื่อมากช่วง 5 - 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้น เราต้องหาแผนที่จะเอาชนะพวกเขาให้ได้ โดยมีเวลา 6 - 7 วัน ในการเตรียมตัวเพื่อให้ขุมกำลังที่พร้อมที่สุดด้วย”

สำหรับเกมต่อไปนี้ถือว่าสนใจมาก เพราะยังเป็นการดวลกันของ 2 กองหน้าที่ยิงไปเท่ากัน 10 ประตู นำดาวซัลโวในลีกเวลานี้ คือ ดิเอโก กอสตา ของ เชลซี กับ อกูเอโร ขณะที่ แมนฯซิตี นั้นก็เล่นนอกบ้านได้ดีที่สุดในปีนี้ คือ ชนะ 6 จาก 7 นัด ทว่าระยะหลังเหมือนหอกอาร์เจนไตน์จะยิงอยู่คนเดียว

ตอนนี้ผ่านพ้นไป 1 ใน 3 ของฤดูกาลแล้ว หรือเรียกได้ว่าพอเห็นว่าใครหมู่หรือจ่า โดย 4 ทีมลุ้นแชมป์ก็คงหนีไม่พ้น เชลซี, ลิเวอร์พูล, แมนฯซิตี และ อาร์เซนอล ไม่ก็ตัด “ปืนโต” ออกไปเลยก็ได้ เพราะว่ายังไม่เจอกับช่วงอาถรรพ์ที่จะมาถึงปีหน้า นอกจากนี้ กำลังเข้าสู่ช่วงโปรแกรมบ็อกซิงเดย์แล้วด้วย

เชลซี กับ ลิเวอร์พูล นั้นได้เปรียบ คือ ที่ผ่านมาไม่ต้องเตะฟุตบอลยุโรป โดยหลังเกมพบ แมนฯซิตี ทางด้าน “สิงห์บลูส์” โปรแกรมสุดเบาจนกระทั่งจบปี 2016 ผิดกับ “เรือใบสีฟ้า” ที่ต้องปะทะกับ อาร์เซนอล รวมถึง “หงส์แดง” ส่งท้ายปีเสียด้วย เรียกได้ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าโมเมนตัมจะเทไปทางลูกทีมของ คอนเต มากที่สุดก็ว่าได้
กอสตา นำดาวซัลโวร่วมซัดไป 10 ประตู