ผู้จัดการรายวัน 360 - ปัจจุบันวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย ได้รับการยอมรับจากนานาชาติมากขึ้น อันเนื่องจากทีมแข่งชั้นนำบ้านเรา ปลุกปั้นนักแข่งฝีมือดีออกไปสร้างชื่อเสียงในการแข่งขันระดับเอเชียและระดับโลกกันแบบไม่ขาดสาย ทั้งฝั่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิง ทีม ที่มี “สแตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ เจ้าของแชมป์ เอเชีย โปรดักชัน 250 ซีซี ของเวที เอเชีย โรด เรซซิง แชมเปียนชิป ปี 2016 ขณะที่ เอ.พี.ฮอนด้า ก็สร้างนักบิดรุ่นใหม่เข้าสู่วงการความเร็วทุกปี ก่อนจะเป็น สมเกียรติ จันทรา แจ้งเกิดขึ้นมาเป็นความหวังใหม่ของเมืองไทยคนล่าสุด เรียกว่า มีฮีโร่นักบิดให้คอความเร็วชาวไทยได้เชียร์กันแบบไม่ขาดสาย
นักบิดหนุ่มวัย 17 ปี แห่งเมืองพัทยา เป็นนักบิดภายใต้สังกัด เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิง ไทยแลนด์ ทีมแข่งชั้นนำของประเทศ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งผลิตผลที่ผ่านการอบรมในโครงการ ฮอนด้า เรซซิ่ง สคูล อันเปรียบเสมือนโรงเรียนสร้างนักแข่งระดับเยาวชนของ เอ.พี.ฮอนด้า ก่อนนำความรู้และทักษะที่ร่ำเรียนจากโค้ชมืออาชีพ มาใช้บนสังเวียนความเร็วรายการต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีนักบิดจากโรงเรียนแห่งนี้ออกไปสร้างชื่อมากมายทั้ง “ชิพ” นครินทร์ อธิรัตน์ภูวพัฒน์, “แมน” วรพรต เนียมสุคนธ์สกุล หรือนักบิดสาวคนเดียวของไทยในตอนนี้ “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช
สำหรับ สมเกียรติ ได้รับโอกาสจากทาง เอ.พี.ฮอนด้า ให้ออกไปแสดงฝีมือบนแทร็กมาแล้วมากมายในการแข่งขันระดับเอเชีย อาทิ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ, เอเชีย โรด เรซซิง ก่อนจะมาประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ด้วยการเป็นแชมป์ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ประจำฤดูกาล 2016 จากชัยชนะสนามสุดท้ายที่ เซปัง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งก็ด้วยความนิ่งของเจ้าตัวที่รับมือความกดดันได้ดีกว่าคู่แข่งเต็งแชมป์ที่ทนแรงเสียดทานไม่ไหวจนพลาดล้ม ก็ส่งให้ “เจ้าก้อง” ได้แชมป์ไปครอง
เจ้าของตำแหน่งแชมป์ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ คนแรกของประเทศไทย เผยถึงเกียรติยศครั้งนั้น ว่า “เป็นผลงานที่ดีที่สุดในชีวิตของผมเลย และเป็นแชมป์ที่ได้มาแบบไม่คาดฝัน เพราะช่วงต้นปี ผมตั้งใจว่าขอแค่เป็นแชมป์สนามก็พอใจแล้ว แต่สุดท้ายเมื่อรู้ตัวว่าได้แชมป์ประจำฤดูกาลด้วยผลงานที่ดีกว่านักบิดคู่แข่งในเอเชียทั้ง จีน, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย ก็ทำให้ผมรู้สึกดีใจมากกับความสำเร็จครั้งนี้”
สมเกียรติ เริ่มต้นเส้นทางเป็นนักแข่งอาชีพโดยมีคุณพ่อ - คุณแม่ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะด้วยใจรักในความเร็วตั้งแต่เด็ก ก่อนถูกส่งไปเรียนขับขี่กับทาง เอ.พี.ฮอนด้า และประทับตราเป็นนักแข่งประจำทีม ซึ่งด้วยสไตล์การขี่ที่โดดเด่น เร็ว แรง กล้าได้กล้าเสีย เจ้าตัวก็ยอมรับว่า เป็นเพราะมี มาร์ค มาร์เกวซ นักบิดแชมป์โลก โมโตจีพี 3 สมัย ของ เรปโซล ฮอนด้า รวมถึง “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดรุ่นพี่ค่ายเดียวกัน เป็นต้นแบบแรงบันดาลใจ
ขณะที่ คุณสมคิด ศรีสมยศ ผู้จัดการฝ่ายกีฬายานยนต์ฯ (มอเตอร์สปอร์ต) ของ เอ.พี.ฮอนด้า ที่ได้สัมผัสและดูแล “เจ้าก้อง” มาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น กล่าวเสริมว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา สมเกียรติ เป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่นและเรียนรู้ได้เร็ว มีความสามารถเหนือกว่าเด็กอายุ 17 ปีคนอื่นๆ และฝึกฝนร่างกาย ออกกำลัง รวมถึงฝึกการขับขี่รถจักรยานยนต์ โมโตครอส เพิ่มทักษะอยู่สม่ำเสมอ ส่วนที่แนะนำให้เรียนเพิ่มเติมคือ ภาษาอังกฤษ เนื่องจากอนาคตหากต้องเดินทางไปแข่งขันที่ต่างประเทศเพียงคนเดียว จะได้สามารถสื่อสารกับทีมงานและชาวต่างชาติได้
“ที่ผ่านมา เวลาเดินทางไปแข่งต่างประเทศ เราจะมีทีมงานดูแลเด็กๆอยู่ตลอด แต่ในอนาคต สมเกียรติ จะต้องขยับไปแข่งระดับที่สูงกว่าเดิม ดังนั้น ภาษาเป็นสิ่งสำคัญ นักบิดรุ่นเล็กของเราเจอปัญหาการสื่อสารบ่อยมากจนบางครั้งทีมงานจากต่างประเทศก็ให้ความเห็นว่าคุยกันไม่รู้เรื่อง ช่วงหลังเราจึงกำชับเด็กๆ ให้หาเวลาไปเรียนเพิ่มจนดีขึ้นตามลำดับ ส่วนเรื่องในฝืมือสนามวางใจได้เพราะทุกคนเก่งกันอยู่แล้ว” คุณสมคิด กล่าว
สำหรับ สมเกียรติ จากนี้จะมีโปรแกรมลงแข่งขัน เอเชีย โรด เรซซิง สนามสุดท้ายของปีที่ ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 3 - 4 ธันวาคม ส่งท้ายปี 2016 ก่อนจะยกระดับความท้าทายให้สูงขึ้น เมื่อทาง เอ.พี.ฮอนด้า เตรียมส่งเจ้าตัวเดินทางไปแข่งขันรายการ เอฟไอเอ็ม ซีอีวี เรปโซล โมโตทรี เวิลด์ แชมเปียนชิป 2017 ในทวีปยุโรป ซี่งเป็นเวทีสำหรับนักแข่งหน้าใหม่ ใช้เป็นบันไดสู่เวทีระดับโลกอย่าง โมโตทรี และฝันขั้นสูงสุดคือ โมโตจีพี ภายภาคหน้า
“ความใฝ่ฝันของนักบิดทุกคนคือการได้เข้าสู่ โมโตจีพี ผมเองก็เช่นกัน ดังนั้น จึงตั้งใจจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นทีละก้าว หลังจากลงแข่งระดับเอเชียมา 3 ปี เวลานี้ผมพร้อมแล้วที่จะยกระดับตัวเองขึ้นไปอีกขั้น เพื่อทำฝันให้สำเร็จ” เด็กหนุ่มนักซิ่งจาก ชลบุรี ทิ้งท้าย