คอลัมน์ “ตอดทุกเรื่อง” โดย “หญิงตอด”
พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ประธานคณะกรรมการพิจารณาวินัยและมารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพิ่งออกบทลงโทษ เหตุการณ์แฟนบอล เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ปะทะกับ การท่าเรือ เอฟซี จนทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก
โดยการไม่ตัดแต้ม, ไม่ปรับแพ้, ห้ามแฟน 2 ทีมเข้าสนามตลอดฤดูกาล 2016, ปรับ 100,000 บาท ค่าทำผิดซ้ำซาก + 33,333 บาท ค่าปรับบอลถ้วย 1 ใน 3 ของค่าปรับบอลไทยลีก, ฤดูกาลหน้า 2 ทีมเจอกันห้ามแฟนบอลเข้าชม, เมืองทอง โดนปรับเพิ่ม 33,333 บาท ค่าปรับแผน รปภ. ไม่ดี, เมืองทอง โดนห้ามเตะในบ้าน 5 นัด และต้องเสนอแผน รปภ.ใหม่ หากผ่านจึงจะจัดแข่งในบ้านได้
แฟนบอลทั่วไป อาจจะมองว่าโทษดังกล่าวไม่หนัก เพราะไม่มีตัดแต้ม ตามที่เคยมีบทลงโทษตัด 9 คะแนนก่อนหน้านี้ เหมือนที่ประมุขลูกหนังไทย เคยออกมาประกาศว่าจะลงโทษให้หนักกว่าเดิม ซึ่งหากจะมีเหตุการณ์ตีกันเกิดขึ้นอีก แฟนบอลกลุ่มที่ไม่หวังดีก็จะไม่เข็ดหลาบ เนื่องจากบทลงโทษการตีกันในบอลถ้วยถือว่าเบาเกินไป
แม้ว่าการห้ามแฟนบอลเข้าสนามจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังใจนักเตะกิเลนผยอง เพราะเพิ่งจะใช้สนามศุภชลาศัย ถล่ม บีบีซียู เอฟซี 5-1 เพราะนักเตะส่วนมากเป็นผู้เล่นทีมชาติที่คุ้นเคยกับสถานการณ์กดดันเช่นนี้ดี
แต่สำหรับผู้บริหาร การลงโทษแบบนี้ ถือว่าหนักเอาการอยู่ สำหรับเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มติการลงโทษครั้งนี้ เป็นการเพิ่มรายจ่าย เพราะต้องไปใช้สนามอื่น แต่รายได้หายไป โดย เอสซีจี สเตเดียม นั้น สามารถจุแฟนบอลได้จำนวน 15,000 คน แบ่งคร่าว ๆ ว่า เป็นของเจ้าถิ่น 10,000 ที่นั่ง จำหน่ายบัตรขั้นต่ำอยู่ที่ราคา 120 บาท นั่นหมายความว่าเพียง 1 นัด รายได้จะหายได้อย่างต่ำ 1,200,000 บาท ซึ่งต้องส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายและรายได้ของสโมสรอย่างแน่นอน
การท่าเรือ เอฟซี ทีมอันดับ 3 ลีกพระรอง ดิวิชัน 1 ล่าสุด บุกไปพ่าย นครปฐม เอฟซี 1-2 ซึ่งโทษที่ถูกพิพากษาในครั้งนี้ อาจจะทำให้แผนการและความหวังกลับสู่ ไทยลีก ใน 1 ปี สะดุดได้เลย เพราะสถิติการเล่นนอกบ้าน ของการท่าเรือ แย่กว่าการเล่นใน แพท สเตเดียม เท่าตัว จึงมีความเสี่ยงสูงมากที่บันไดสู่ไทยลีก ที่พาดไว้ จะหักได้
ด้าน “บิ๊กเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด พูดอย่างตรงไปตรงมา โทษครั้งนี้หนักมาก เพราะสโมสรเสียรายได้ค่อนข้างมาก และจะอุทธรณ์โทษตามสิทธิที่มีอยู่ แต่ก็ยังชื่นชมสมาคมฯ ที่ให้ความเป็นธรรม เมื่อเปรียบเทียบกับสมาคมฯ ชุดที่แล้ว ที่มีบทลงโทษทั้งตัดแต้ม และลงโทษข้ามรายการ
ในขณะที่ การท่าเรือฯ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ยังไม่ออกมาเคลื่อนไหว เพราะคงเช็กกระแสความเห็นแฟนบอลต่อบทลงโทษที่ถูกประกาศออกมา หรือ อาจจะทำใจยอมรับอยู่ ก็เป็นได้
บทลงโทษครั้งนี้ถือว่าเป็นการลงโทษผู้บริหารสโมสรโดยตรง เพราะไม่มีความสามารถในการจัดการแข่งขันให้ได้มาตรฐานที่สมาคมฯ กำหนด โดยส่วนตัว “หญิงตอด” มองว่าเป็นการลงโทษที่เข้าเป้าอย่างยิ่ง เพราะการทำฟุตบอลอาชีพ เป้าหมายหลักคือการทำธุรกิจ แสวงหารายได้ และกำไร ฉะนั้น บทลงโทษครั้งนี้แฟนบอลก็จะได้ตระหนักว่าควรช่วยกันสอดส่องดูแลแฟนบอลของตนเอง ช่วยกันห้ามปรามไม่ให้ก่อเรื่อง มิเช่นนั้นก็จะไม่มีใครเข้าไปให้กำลังใจทีมรักของตัวเองได้
ส่วนสโมสร แม้จะโชคดีที่ไม่ถูกตัดแต้มแต้ม แต่รายได้ที่หายได้ก็คงทำให้เข้มงวดกับความปลอดภัยในสนามบอลมากกว่านี้ ในอนาคตก็หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะฟุตบอลไทยจะสามารถพัฒนาไปไกลกว่านี้ ถ้าไม่มีคนไม่มีคนมาเป็นตัวถ่วงลูกหนังไทย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ประธานคณะกรรมการพิจารณาวินัยและมารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพิ่งออกบทลงโทษ เหตุการณ์แฟนบอล เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ปะทะกับ การท่าเรือ เอฟซี จนทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก
โดยการไม่ตัดแต้ม, ไม่ปรับแพ้, ห้ามแฟน 2 ทีมเข้าสนามตลอดฤดูกาล 2016, ปรับ 100,000 บาท ค่าทำผิดซ้ำซาก + 33,333 บาท ค่าปรับบอลถ้วย 1 ใน 3 ของค่าปรับบอลไทยลีก, ฤดูกาลหน้า 2 ทีมเจอกันห้ามแฟนบอลเข้าชม, เมืองทอง โดนปรับเพิ่ม 33,333 บาท ค่าปรับแผน รปภ. ไม่ดี, เมืองทอง โดนห้ามเตะในบ้าน 5 นัด และต้องเสนอแผน รปภ.ใหม่ หากผ่านจึงจะจัดแข่งในบ้านได้
แฟนบอลทั่วไป อาจจะมองว่าโทษดังกล่าวไม่หนัก เพราะไม่มีตัดแต้ม ตามที่เคยมีบทลงโทษตัด 9 คะแนนก่อนหน้านี้ เหมือนที่ประมุขลูกหนังไทย เคยออกมาประกาศว่าจะลงโทษให้หนักกว่าเดิม ซึ่งหากจะมีเหตุการณ์ตีกันเกิดขึ้นอีก แฟนบอลกลุ่มที่ไม่หวังดีก็จะไม่เข็ดหลาบ เนื่องจากบทลงโทษการตีกันในบอลถ้วยถือว่าเบาเกินไป
แม้ว่าการห้ามแฟนบอลเข้าสนามจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังใจนักเตะกิเลนผยอง เพราะเพิ่งจะใช้สนามศุภชลาศัย ถล่ม บีบีซียู เอฟซี 5-1 เพราะนักเตะส่วนมากเป็นผู้เล่นทีมชาติที่คุ้นเคยกับสถานการณ์กดดันเช่นนี้ดี
แต่สำหรับผู้บริหาร การลงโทษแบบนี้ ถือว่าหนักเอาการอยู่ สำหรับเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มติการลงโทษครั้งนี้ เป็นการเพิ่มรายจ่าย เพราะต้องไปใช้สนามอื่น แต่รายได้หายไป โดย เอสซีจี สเตเดียม นั้น สามารถจุแฟนบอลได้จำนวน 15,000 คน แบ่งคร่าว ๆ ว่า เป็นของเจ้าถิ่น 10,000 ที่นั่ง จำหน่ายบัตรขั้นต่ำอยู่ที่ราคา 120 บาท นั่นหมายความว่าเพียง 1 นัด รายได้จะหายได้อย่างต่ำ 1,200,000 บาท ซึ่งต้องส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายและรายได้ของสโมสรอย่างแน่นอน
การท่าเรือ เอฟซี ทีมอันดับ 3 ลีกพระรอง ดิวิชัน 1 ล่าสุด บุกไปพ่าย นครปฐม เอฟซี 1-2 ซึ่งโทษที่ถูกพิพากษาในครั้งนี้ อาจจะทำให้แผนการและความหวังกลับสู่ ไทยลีก ใน 1 ปี สะดุดได้เลย เพราะสถิติการเล่นนอกบ้าน ของการท่าเรือ แย่กว่าการเล่นใน แพท สเตเดียม เท่าตัว จึงมีความเสี่ยงสูงมากที่บันไดสู่ไทยลีก ที่พาดไว้ จะหักได้
ด้าน “บิ๊กเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด พูดอย่างตรงไปตรงมา โทษครั้งนี้หนักมาก เพราะสโมสรเสียรายได้ค่อนข้างมาก และจะอุทธรณ์โทษตามสิทธิที่มีอยู่ แต่ก็ยังชื่นชมสมาคมฯ ที่ให้ความเป็นธรรม เมื่อเปรียบเทียบกับสมาคมฯ ชุดที่แล้ว ที่มีบทลงโทษทั้งตัดแต้ม และลงโทษข้ามรายการ
ในขณะที่ การท่าเรือฯ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ยังไม่ออกมาเคลื่อนไหว เพราะคงเช็กกระแสความเห็นแฟนบอลต่อบทลงโทษที่ถูกประกาศออกมา หรือ อาจจะทำใจยอมรับอยู่ ก็เป็นได้
บทลงโทษครั้งนี้ถือว่าเป็นการลงโทษผู้บริหารสโมสรโดยตรง เพราะไม่มีความสามารถในการจัดการแข่งขันให้ได้มาตรฐานที่สมาคมฯ กำหนด โดยส่วนตัว “หญิงตอด” มองว่าเป็นการลงโทษที่เข้าเป้าอย่างยิ่ง เพราะการทำฟุตบอลอาชีพ เป้าหมายหลักคือการทำธุรกิจ แสวงหารายได้ และกำไร ฉะนั้น บทลงโทษครั้งนี้แฟนบอลก็จะได้ตระหนักว่าควรช่วยกันสอดส่องดูแลแฟนบอลของตนเอง ช่วยกันห้ามปรามไม่ให้ก่อเรื่อง มิเช่นนั้นก็จะไม่มีใครเข้าไปให้กำลังใจทีมรักของตัวเองได้
ส่วนสโมสร แม้จะโชคดีที่ไม่ถูกตัดแต้มแต้ม แต่รายได้ที่หายได้ก็คงทำให้เข้มงวดกับความปลอดภัยในสนามบอลมากกว่านี้ ในอนาคตก็หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะฟุตบอลไทยจะสามารถพัฒนาไปไกลกว่านี้ ถ้าไม่มีคนไม่มีคนมาเป็นตัวถ่วงลูกหนังไทย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
