xs
xsm
sm
md
lg

แบรนด์ใหม่ไม่ใสซื่อ เปิดใจ “วาริกซ์” ที่แรก หลังได้สิทธิ์เสื้อ “ช้างศึก”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล หัวเรือใหญ่
ผู้จัดการรายวัน 360 - ปฏิเสธไม่ได้ว่าใครก็ต่างหมายปองลิขสิทธิ์เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย เพราะกระแสกำลังฟีเวอร์ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้กำลังลุ้นไปเล่นรอบสุดท้าย เวิลด์ คัพ 2018 ที่ประเทศรัสเซีย

ซึ่งล่าสุดตกไปอยู่ในมือของ บริษัท วาริกซ์ สปอร์ต จํากัด ผู้ผลิตชุดกีฬาน้องใหม่ไฟแรง ที่ปาดหน้า บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป จํากัด เจ้าของลิขสิทธิ์เดิมไปอย่างฉิวเฉียด โดยจะรับหน้าที่ผลิตชุดแข่ง ชุดซ้อมชุดลําลอง ชุดเดินทาง ถุงเท้า รองเท้า ของนักกีฬาทีมชาติไทยทุกชุดและเสื้อเชียร์ทีมชาติไทย เสื้อที่ระลึก ของสมาคมฯ เพื่อจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไป เป็นเวลา 4 ปี ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2560 - 31 ธันวาคม 2563

ซึ่ง “วาริกซ์” เจ้าของลิขสิทธิ์ใหม่ เชือดเฉือนยื่นประมูลสู้กับ “แกรนด์สปอร์ต” ก่อนเอาชนะไปแค่ปลายจมูกเท่านั้น โดยมีมูลค่ารวม 4 ปี 400 ล้าน แบ่งเป็นปีละ 100 ล้าน แยกเป็นเงินสด 40 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ 60 ล้านบาท ส่วน เจ้าของลิขสิทธิ์เดิม ยื่นข้อเสนอที่ใกล้เคียงกัน แพ้ตรงที่เงินสดน้อยกว่า

สำหรับ “วาริกซ์ สปอร์ต” ถือเป็นน้องใหม่ในวงการชุดกีฬาไทยที่น่าจับตามองไม่น้อย เพราะเพิ่งจะลงสู่สนามรบได้ไม่นาน แถมไม่มีหน้าร้านเป็นของตัวเองในกรุงเทพฯ และมีฐานที่มั่นอยู่ไกลถึง อ.สามพราน จ.นครปฐม แต่สามารถคว้าลิขสิทธิ์นี้ไปครองได้

แน่นอนว่า หัวเรือใหญ่ก็คือ วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ผู้มีมุมมองและแนวคิดไม่เหมือนใคร อาศัยช่องว่างทางการตลาดที่ยังไม่มีใครจับตรงจุดนี้ ก้าวสู่แบรนด์เสื้อผ้าและชุดกีฬาสัญชาติไทยที่มีคุณภาพไม่น้อยหน้าแบรนด์นอก โดยเผยว่า “ผมตัดสินใจเริ่มธุรกิจของตัวเองในวัย 28 ปี โดยจุดเริ่มต้นของการทำเสื้อผ้ากีฬา เกิดจากการเข้าไปช่วยเพื่อนลงทุนทำเสื้อกีฬาไปกว่า 40 ล้านบาท แต่กลับโดนโกง เราเลยสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมา แล้วเอาเสื้อกีฬาที่ทำให้เพื่อนมูลค่า 40 ล้านมาขาย กลายเป็นประตูที่ทำให้ก้าวเข้าสู่ตลาดเสื้อผ้ากีฬาโดยอัตโนมัติ”

กว่า 14 ปีที่ผ่านมา วิศัลย์ และภรรยา อวิกา วนะศักดิ์ศรีสกุล มีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมกับลูกสาววัยน่ารัก 3 คน คือ ด.ญ.พรนับพัน วนะศักดิ์ศรีสกุล, ด.ญ.โปรดปราน วนะศักดิ์ศรีสกุล และ ด.ญ.ฟ้าประทาน วนะศักดิ์ศรีสกุล แม้จะเริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์ แต่ปัจจุบันเขาได้ก้าวสู่นักธุรกิจเจ้าของแบรนด์ของตัวเอง ภายใต้บริษัท คัฟเวอร์แนนท์ จำกัด และบริษัท วาริกซ์สปอร์ต จำกัด ในฐานะกรรมการผู้จัดการ

นักธุรกิจหนุ่มวัย 42 ปี กล่าวอีกว่า “ชุดกีฬาสร้างชื่อเสียงให้เรา และมีผลตอบรับดีมากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงฟุตบอลไทยลีกกำลังบูมพอดี ตอนนี้มีสโมสรไทยใช้แบรนด์ของเรามากกว่า 20 ทีม เช่น นครราชสีมา มาสด้าเอฟซี, เชียงใหม่ เอฟซี, ศรีสะเกษ เอฟซี, อุบลราชธานี เอฟซี, พัทยา ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ราชนาวี, ชัยนาท มิตรผล เอฟซี และ สุพรรณบุรี เอฟซี นอกจากนี้ ยังได้ทำชุดกีฬาฟุตบอลในลีกของประเทศมาเลเซีย, ลาว รวมทั้งชุดนักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติประเทศมาเลเซีย, ชุดกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทย และยังมีการเจรจาในฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ และเจลีกของญี่ปุ่น ซึ่งสัญญาเหล่านี้จะเกิดขึ้นในปี 2017 เรามีเป้าหมายที่จะเป็นแบรนด์คนไทยที่โกอินเตอร์ เพราะไม่เคยมีแบรนด์คนไทยที่อยู่ในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษของญี่ปุ่นมาก่อน”

สำหรับการออกแบบชุดฟุตบอลทีมชาติไทย แน่นอนว่า เป็นที่จับตามองของแฟนบอลจำนวนมากเกี่ยวกับเรื่องดีไซน์และราคา ซึ่ง วิศัลย์ ยอมรับว่า ไม่กดดัน เพราะถือว่ามีประสบการณ์ในวงการฟุตบอลมากพอแล้ว “ที่ผ่านมา ชุดกีฬา หรือชุดฟุตบอลจะเป็นการออกแบบร่วมกับเจ้าของทีม เรานำเสนอตามโจทย์ที่แต่ละทีมมีโจทย์ให้มา แต่เราก็มีดีไซเนอร์ออกแบบซึ่งเป็นคนไทยทั้งหมด ส่วนกำลังการผลิตนั้นมั่นใจว่าไม่เป็นปัญหา เนื่องจากการจำหน่ายจะผลิตเป็นล็อตอยู่แล้ว และที่ผ่านมา เราเคยผลิตออกมาเพียงพอต่อความต้องการของแฟนบอลที่มีคนเชียร์ทั้งจังหวัดจำนวนหลายหมื่นคน แต่ในอนาคตจะมีการเปิดหน้าร้านในกรุงเทพฯ และขยายจำนวนการสั่งซื้อออนไลน์ เพื่อให้เพียงพอต่อแฟนบอลจำนวนมากของทีมชาติไทยต่อไป”

สุดท้าย เจ้าของลิขสิทธิ์เสื้อ “ช้างศึก” ป้ายแดง ยังกล่าวถึงจุดแข็งของตนเอง ซึ่งก็คือนวัตกรรมแบบใหม่ ว่า “การทำงานของเราเน้นคุณภาพ ซึ่งอาจจะดีกว่าหลายเจ้าในต่างประเทศด้วยซ้ำ โดยนำนวัตกรรมเทคโนโลยีนาโนผสมลงในเส้นใยผ้า เลือกใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ คุณสมบัติพิเศษสามารถดูดซับเหงื่อ แห้งเร็ว ระบายอากาศได้ดี ป้องกันรังสียูวีได้ด้วย วัตถุดิบที่เราใช้ก็เลือกตามมาตรฐานประเทศญี่ปุ่น เส้นใยที่ใช้ตัดเสื้อก็วิจัยร่วมกับญี่ปุ่น ส่วนเส้นใยประกอบเป็นเส้นใยจากดูปองต์ ถ้าเทียบแล้วเรื่องวัตถุดิบเราดีกว่าหรือเทียบเท่ากับของแบรนด์อินเตอร์ เรายอมจ่ายค่าวัตถุดิบที่แพงที่สุดในตลาดเพื่อให้ได้ของที่ดีตั้งแต่ต้น”

“ส่วนราคา เราไม่ได้เอากำไรเป็นที่ตั้ง เพราะจะได้กำไรแค่ระยะสั้น แต่ผมต้องการทำให้ธุรกิจให้ยั่งยืนและลูกค้ามีความกล้าที่จะเปลี่ยนมาใช้แบรนด์ของเรา ราคาจึงต้องให้ทุกคนสามารถจับต้องได้อย่างแน่นอน” เจ้าของ วาริกซ์ สปอร์ต กล่าวทิ้งท้าย
แบรนด์ วาริกซ์
กระโดดลงสู่ศึกไทยลีก
ชุดแข่ง สุพรรณบุรี เอฟซี
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น