เอเยนซี - บิ๊กแมตช์ครั้งแรกของฤดูกาลนี้ที่ทุกคนรอคอยมาถึงแล้วกับการเจอกันของ โชเซ มูรินโญ ปะทะ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เนื่องจากทั้งคู่คือเพื่อนรู้จักกันมาร่วม 20 ปี ตั้งแต่สมัยเป็นผู้ช่วยโค้ช และนักเตะตามลำดับตอนอยู่ที่ บาร์เซโลนา ก่อนจะมาดวลฝีมือกันในฐานะกุนซือบนเวที ลา ลีกา สเปน แต่ตอนนี้เป็น แมนเชสเตอร์ ดาร์บี ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่จะมีขึ้น ณ โอลด์ แทรฟฟอร์ด วันเสาร์ที่ 10 กันยายนนี้ ตอน 18.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
เกมนี้น่าจะเป็นการดวลกันเรื่องแท็กติกล้วน ๆ เพราะต่างก็ขึ้นชื่อในด้านนี้ ที่เรียกได้ว่า แก้เกมเฉือนกันนาทีต่อนาที ดังนั้น การคาดหมายว่าจะเห็นเกมสนุกดุเดือดแข้งซุปตาร์ฉายแววโดดเด่นอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากบางคนอาจจะต้องเปลี่ยนบทบาทเพื่อประโยชน์ของทีมเฉกเช่น 5 ข้อต่อไปนี้ที่ ESPN วิเคราะห์มาฝากกัน
กลยุทธ์พิเศษ - มูรินโญ เคยมีประสบการณ์คุม เชลซี 2 ช่วงเวลา ซึ่งก็ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์มาครอบครอง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เจอกับกุนซือที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงแท็กติกมากนัก อาทิ อาร์แซน เวนเกอร์ ของ อาร์เซนอล อย่างไรก็ตาม การปะทะกับ เป๊ป ครั้งนี้ถือว่าแตกต่าง เรียกได้ว่าต้องเปิดตำรากันหลายหน้าเตรียมแผน เอ และ บี อาจไปจนถึงแผน ซี
อย่างที่ทราบกันดีว่าทั้งคู่เคยเจอกันมาแล้วในสเปน ซึ่ง เป๊ป นั้นทำได้ดีกว่า ถ้ายังจำกันได้ก็คือเกมลีกเมื่อเดือนธันวาคมปี 2011 นำ บาร์เซโลนา บุกชนะถึง ซานติอาโก เบร์นาบิว 3-1 จากกลยุทธ์ที่หลอกว่าจะเล่นแบ็กโฟร์ก่อนปรับให้ ดานี อัลเวส เติมขึ้นสูงจากด้านขวา และให้ การ์เลส ปูโยล ถ่างไปอุดในตำแหน่งแบ็ก พร้อมส่ง เซร์คิโอ บุสเกตส์ ถอยต่ำมายืนเซนเตอร์ฮาล์ฟ พร้อมรับผิดชอบแผงมิดฟิลด์ด้วย จากสกอร์ที่ออกมาก็เห็นแล้วว่าสำเร็จ
ที่ผ่านมา มูรินโญ ต้องปวดหัวไม่น้อยกว่าจะหาแผนล้ม บาร์เซโลนา ทำให้ แมนเชสเตอร์ ดาร์บี หนนี้ดูแล้วทางด้าน แมนฯยู แม้จะเล่นเป็นเจ้าบ้าน แต่คงไม่บุกแหลก เพราะนายใหญ่ชาวโปรตุกีสอาจจะต้องเป็นฝ่ายวางกลยุทธ์เพื่อหยุดผู้เล่นคนสำคัญของ แมนฯซิตี ที่พลิกแพลงได้ตลอดเวลา
เพลย์เมกเกอร์ - ครั้งแรกที่ทั้งคู่พบกันในศึก เอล กลาซิโก เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2010 บาร์เซโลนา นั้นเปิดรัง คัมป์ นู ยำใหญ่ รีล มาดริด 5-0 ทางด้าน มูรินโญ ไม่ให้อิสระตัวปั้นเกมอย่าง เมซุต โอซิล แต่กลับเรียกร้องให้มาช่วยเกมรับเพื่อทำลายจังหวะของ ชาบี เอร์นานเดซ ซึ่งสกอร์ที่ออกมาก็เห็นแล้วว่าไม่ได้ผล
ส่วนเกมนี้คำถามคือ ใครจะเล่นบทบาทเพลย์เมกเกอร์ให้กับ แมนฯยู เพราะที่ผ่านมาก็เหมือนจะยังไม่ได้แข้งที่น่าพอใจเพื่อสวมบทนี้ เฮนริกห์ มคิตาร์ยาน บาดเจ็บลงไม่ได้อย่างแน่นอน ที่เหลือก็มี ฆวน มาตา ซึ่งตรงจุดนี้เดาใจ มูรินโญ ไม่น่ายาก เนื่องจากคงเป็นหน้าที่ของ เวย์น รูนีย์ ที่จะต้องรับบทหนักคอยเชื่อมเกมจากหลังไปหน้า
ซลาตัน - ฤดูกาล 2009-10 อินเตอร์ มิลาน ของ มูรินโญ ปราบ บาร์เซโลนา รอบตัดเชือกด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-2 ซึ่ง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่ตอนนี้ล่าตาข่ายให้ แมนฯยู อยู่ในทีม บาร์ซา ชุดนั้นทั้ง 2 นัดเรียกได้ว่าไม่เข้ากับแท็กติกของ เป๊ป แต่ตอนนี้ต้องหวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง
ซึ่งหลายคนน่าจะจำภาพคลาสสิกวันนั้นได้เป็นอย่างดีว่า มูรินโญ แอบเข้าไปฟังแท็กติกของ เป๊ป ที่สั่ง ซลาตัน เพื่อที่จะบัญชากองหลังให้รับมือได้ถูกจุด หรือเข้าไปกระซิบบอกอะไรสักอย่างไม่แน่ชัด เหนืออื่นใด แมนเชสเตอร์ ดาร์บี หนนี้หอกวัย 34 ปี ที่ลงเล่นในลีกไปแล้ว 3 นัด ยิง 3 ประตู จะออกสตาร์ทในสีเสื้อ “ผีแดง” อย่างแน่นอน พร้อมแรงกระตุ้นที่จะเอาคืนนายใหญ่คนเก่า
ตัวจี๊ดเรือใบ - เกมนี้ แมนฯซิตี ไม่มี เซร์คิโอ อกูเอโร หอกไซส์เอสชาวอาร์เจนไตน์ที่ติดโทษแบน อย่างไรก็ตาม ไม่น่ามีปัญหา เพราะนักเตะที่ทดแทนนั้นแต่ละคนดูจะมีความเร็วและไปกับลูกบอลได้ดีในสไตล์ที่คล้ายคลึงกัน อาทิ ราฮีม สเตอร์ลิง, โนลิโต รวมถึง เลรอย ซาเน แนวรุกทีมชาติเยอรมัน อย่างไรก็ตาม รายหลังนั้นเพิ่งเรียกความฟิตจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง โดยนับตั้งแต่ย้ายจาก ชาลเก 04 ยังไม่ได้ประเดิมสีเสื้อ “เรือใบสีฟ้า” แต่อีกคนที่น่าสนใจและอาจเป็นตัวแปรก็คือ เคเลชี อิเฮียนาโช ศูนย์หน้าไนจีเรีย อย่างไรก็ตาม แมนฯยู ไม่น้อยหน้ามี มาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวยิงที่เพิ่งซัดแฮตทริกให้ทีมชาติอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี
ผีต้องคุมแดนกลาง - ที่ผ่านมา มูรินโญ ต้องวางแผนเพื่อหยุดห้องเครื่องเหลี่ยมจัดของ บาร์เซโลนา ไม่ว่าจะเป็น บุสเกตส์, ชาบี และ อันเดรส อิเนียสตา ซึ่งกับ แมนฯซิตี นั้น จะทำอย่างไรเพื่อหยุดตัวปั้นเกมอย่าง ดาบิด ซิลบา และ เควิน เดอ บรอยน์ จะได้ลำเลียงบอลไปถึงตัวรุกจี๊ด ๆ ได้ไม่ถนัด เพราะถ้าบอลถึงริมเส้นเมื่อไหร่ก็ยากหยุด
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
