“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย เผยว่า ซาอุฯ ชุดนี้ไม่ได้มีฝีเท้าตกลง หากแต่ว่า “ช้างศึก” พัฒนามากขึ้นกว่าเดิม พร้อมกล่าวถึงนัดชน ญี่ปุ่น เชื่อคู่แข่งที่แพ้มาจัดเต็มแน่ แต่ไม่หวั่นมั่นใจมีทีเด็ดรับมือ วันที่ 6 กันยายนนี้
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดแรก ที่สนามนานาชาติ คิง ฟาฮัด สเตเดียม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2559 ซาอุดีอาระเบีย เอาชนะทีมชาติไทย 1-0 จากการเสียจุดโทษช่วงท้ายเกม โดย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวก่อนนำลูกทีมเดินทางกลับประเทศไทย
“หลังจากที่แมตช์แรกผ่านไป เราไม่ได้แต้ม ก็ถือว่าเป็นงานหนักของทีมชาติไทย เราก็วางแผนเดินทางกลับวันที่ 2 กันยายนนี้ ซึ่งจะเหลือเวลาให้เราฝึกซ้อมสองวัน ก่อนที่จะแข่งกับทีมชาติญี่ปุ่น เกมนี้ก็ถือเป็นงานหนัก เพราะญี่ปุ่นก็แพ้มาเหมือนกับเรา ก็ยิ่งทำให้งานของเรายากขึ้น ภาพโดยรวมญี่ปุ่นจะต้องบุกใส่เราแน่นอน และตอนนี้พวกเขาก็กำลังจะเดินทางถึงเมืองไทยแล้ว และมีเป้าหมายที่จะยิงถล่มใส่ทีมชาติไทย เพื่อสร้างความมั่นใจ”
“เราได้พูดคุยกันแล้ว ว่าให้ลืมความเจ็บปวดเกมแรกไป และมุ่งหน้าทำหน้าที่ของตัวเองในเกมที่จะพบกับ ทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งจะเล่นในบ้านของเรา เรายังเชื่อว่า หากเราเตรียมความพร้อมได้ดี และได้กำลังใจจากแฟนบอลชาวไทย เราก็มีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์ ญี่ปุ่นก็คงจะไม่ได้เจอกับงานที่ง่าย ซึ่งเราก็จะพยายามเล่นตามวิธีของเรา”
“การไม่มี สารัช อยู่เย็น เขาเป็นคนบัญชาเกมแดนกลาง เราก็ต้องปรับเปลี่ยนยุทธวิธี ตอนนี้เรามี ประกิต ดีพร้อม, ปกเกล้า อนันต์ และ ชาริล ชัปปุยส์ เดี๋ยวกลับไปอาจจะเรียกกองกลางมาเสริมแต่ต้องเช็คก่อนว่าจะเป็นใคร”
“ญี่ปุ่นเขามีเวลาปรับตัวที่ไทยไม่กี่วัน สภาพอากาศที่ประเทศเขากับประเทศไทยก็แตกต่างกัน เราอยู่ที่ซาอุฯ 47 องศา พอกลับไปเจอ 38 - 39 เราก็ไม่น่าจะมีปัญหา เราคิดว่ายุทธวิธีในการเล่น สิ่งแวดล้อมเป็นแค่ปัจจัยภายนอก เรามีข้อมูลเขา เรามีสเกาต์ มีวิดีโอเกมการแข่งขัน ข้อมูลญี่ปุ่น ว่าใครจะเป็น 11 ตัวจริงจะเปลี่ยนตัวอย่างไร ซึ่งเรารู้ระบบวิธีการ หากเด็กทุกคนเข้าใจก็จะสามารถต่อกรได้เหมือนกัน”
“สภาพร่างกายถ้าได้พักสัก 48 ชั่วโมง ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เราก็อยากให้เด็กพักผ่อนเต็มที่ทุกคน ถ้าหากเรารีบเตะ และ รีบกลับ นอนไม่พอจะมีความเหนื่อยล้าสะสม วันนี้เราก็เดินทางไปโดฮา และกลับเมืองไทยก็จะเป็นการพักผ่อนไปในตัว หลังจากไปถึงก็จะให้ลงสระผ่อนคลาย และวางแผนซ้อม 2 ครั้งเพื่อทบทวนวิธีการเล่น”
“ขอบคุณนักฟุตบอลทุกคนที่มีความมุ่งมั่นทุ่มเท เรากำลังยกระดับฟุตบอลไทย หลายคนบอกว่าซาอุดีอาระเบีย เล่นด้อยลง แต่เราต้องมองว่าทีมของเราก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้น วันนี้ผมภูมิใจกับน้อง ๆ เขาสามารถต่อกรได้ ซึ่งสมัยที่ผมเป็นนักเตะ เราโดน 5 - 6 ลูกมาตลอด วันนี้น้อ งๆ ได้พัฒนา แฟนบอลก็ได้เห็น หลังเกมผมก็เสียใจมีน้ำตาคลอบ้าง แต่ผมไม่ได้เสียใจที่เราแพ้ แต่เห็นใจเจ็บปวดแทนน้อง ๆ เพราะทุกคนเหมือนเล่นอยู่ในกระทะ ซึ่งมีความร้อน ใครไม่ลงไปเล่นไม่รู้หรอก แต่เด็กวิ่ง 90 นาทีไม่มีหมด พอกลับไปทุกคนก็หลั่งน้ำตา ทั้ง ธีรศิลป์ แดงดา, สารัช อยู่เย็น และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ทุกคนเจ็บปวด”
“แต่วันนี้เราต้องทิ้งความเจ็บปวดเพื่อไปสร้างรอยยิ้มให้กับแฟนบอลชาวไทยในวันที่ 6 กันยายน ผมเองก็ยอมรับว่านอนไม่หลับ คิดถึงเกมที่เกิดขึ้น คิดถึงแผนที่จะเจอกับญี่ปุ่นต่อ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั่นคือฟุตบอล เราอยากให้คนไทยรู้ว่าทุกคนทำการบ้าน วางแผน ไม่ได้นิ่งนอนใจ มาแข่งแค่ให้จบ ตอนนี้ฟุตบอลไทยพัฒนา ทั้งแฟนบอล รวมถึงสมาคมฯ, สปอนเซอร์ วันนี้เรายังเป็นก้าวแรก”
“ถ้าเราได้มาประลองฝีมือกับทีมในอาหรับบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ ครึ่งแรกเราอาจจะเกรง ๆ แต่ครึ่งหลังทุกคนกล้าโชว์ วันนี้เราไม่กลัวแล้ว”
ทัพช้างศึกจะเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ในวันเสาร์ที่ 3 กันยายนนี้ เวลาประมาณ 13.00 น. และจะลงฝึกซ้อมสองครั้งในวันที่ 4 และ 5 กันยายน เพื่อเตรียมทีม พบกับ ทีมชาติญี่ปุ่น ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันอังคารที่ 6 กันยายนนี้ เวลา 19.15 น.