“บิ๊กตู่” รับปากติดยศฮีโร “ริโอ” พร้อมเร่งให้สัญชาติ “โค้ชเช”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดทำเนียบรัฐบาล ต้อนรับทัพโอลิมปิกเกมส์ 2016 รับปากติดยศให้นักกีฬา และเร่งให้สัญชาติไทย กับ โค้ชเช ด้านฮีโร ริโอเกมส์ รับ 65 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาทีมชาติไทย นำคณะนักกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2016 เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

ภายในงาน “บิ๊กตู่” ได้มีการมอบเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ให้แก่นักกีฬาที่ได้เหรียญรางวัล จากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 31 ณ ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ระหว่างวันที่ 5 - 21 สิงหาคม 2559 สามารถคว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขัน รวมทั้งสิ้น 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง ประกอบด้วย โสภิตา ธนสาร, สุกัญญา ศรีสุราช คนละ 12,000,000 บาท, พิมศิริ ศิริแก้ว, เทวินทร์ หาญปราบ คนละ 7,200,000 บาท และ สินธุ์เพชร์ กรวยทอง, พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ คนะ 4,800,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 48,000,000 บาท ส่วนผู้ฝึกสอน ได้รับ 20% เป็นเงิน 8,000,000 บาท และสมาคมกีฬา ได้รับ 30% เป็นเงิน 9,000,000 บาท รวมแล้วกองทุนจะสนับสนุนเงินรางวัลให้กับนักกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัล จำนวนทั้งสิ้น 65,000,000 บาท

รวมทั้งมอบเงินสนับสนุนเงินกรณีพิเศษ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ที่ไม่ได้รับเหรียญรางวัลจากการแข่งขันให้ได้รับเงินกรณีพิเศษ จำนวน 48 คน ใน 17 ชนิดกีฬา คนละ 100,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,800,000 บาท

โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้โอวาทแก่นักกีฬา พร้อมกล่าวชื่นชมนักกีฬาที่นำเหรียญรางวัลกลับมาให้คนไทยได้ชื่นชม และนักกีฬาที่แม้จะไม่สามารถคว้าเหรียญ “ริโอ เกมส์” แต่ก็นำความสุขกลับมาให้คนไทยได้เช่นกัน “ดีใจที่นักกีฬาของเราที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งสมควรได้รับเงินรางวัลตอบแทน ก็หวังว่า ทุกคนจะนำเงินที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ส่วนสมาคมฯขอให้ไปเตรียมสร้างนักกีฬารุ่นใหม่ขึ้นมา เพื่อต่อยอดความสำเร็จของทีมชาติไทยต่อไป”

“ส่วนเรื่องยศตำแหน่งที่นักกีฬาต้องการ รับปากว่าจะดูแลให้ รวมทั้งเรื่องสัญชาติไทยของโค้ชเกาหลีใต้ แต่ต้องดำเนินตามขั้นตอนอาจจะช้าหน่อย แต่ยืนยันว่าได้ตามที่ขอแน่นอน” บิ๊กตู่ กล่าวทิ้งท้าย

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีมอบเงินรางวัลรายการระดับนานาชาติ (ชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย - โลก) ตามหลักเกณฑ์ของกองทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 87,927,500 บาท ประกอบด้วย แข่งเรือใบ 1 รายการ จำนวน 450,000 บาท, เอ็กซ์ตรีม 240,000 บาท, เจ็ตสกี 3,375,000 บาท, มวยปล้ำ 18,000 บาท, ผู้เปลี่ยนอวัยวะ 3,100,000 บาท, บิลเลียด 600,000 บาท, เรือพาย 1,200,000 บาท, จักรยาน 9,450,000 บาท, มวยสากล 1,575,000 บาท, เทควันโด 2,700,000 บาท, ยกน้ำหนัก 17,100,000 บาท, วู้ดบอล 5,512,500 บาท, มวยไทย 5,625,000 บาท, กรีฑา 4,200,000 บาท, แบดมินตัน 1,270,000 บาท, วอลเลย์บอล 840,000 บาท, ยิงเป้าบิน 2,250,000 บาท ยิงปืน 300,000 บาท

นักกีฬา+ผู้ฝึกสอน ในกีฬามหาวิทยาลัยโลก 3 รายการ 24,582,000 บาท, นักกีฬา+ผู้ฝึกสอนในกีฬา สเปเชียลโอลิมปิก 1,540,00 บาท และเงินรางวัลพิเศษ แก่ เอรียา จุฑานุกาล นักกีฬากอล์ฟ ที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์แอลพีจีเอทัวร์ 3 รายการติดต่อกัน 1,000,000 บาท และ รัชนก อินทนนท์ นักกีฬาแบดมินตัน ที่สร้างประวัติศาสตร์เป็นคนไทยคนแรกที่สามารถทำสถิติเป็นแชมป์แบดมินตันหญิงเดี่ยว ซูเปอร์ซีรีส์ 3 รายการ ส่งผลให้มีอันดับขึ้นเป็นที่ 1 ของโลก 1,000,000 บาท