พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมลูกหนัง ผุดมาตรการเด็ด ด้วยการส่ง 11 ผู้ตัดสินที่ไม่เคยรับโทษลงทำหน้าที่ตัดสิน 7 นัดสุดท้าย ศึกไทยลีก 2016 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสโมสรต่าง ๆ หลังถูกร้องเรียนปัญหาผู้ตัดสินเป็นจำนวนมาก
เมื่อเวลา 13.30 น. วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2559 ที่ทำการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ชั้น 9 อาคารพงษ์สุภี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก เลขาธิการสมาคมฯ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ประธานคณะกรรมการพิจารณา วินัย มารยาท พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาท ประธานคณะกรรมการอุทธรณ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการผู้ตัดสิน ร่วมเข้าประชุมหารือในวาระการแก้ปัญหาผู้ตัดสิน
ภายหลังประชุมเสร็จสิ้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เผยว่า “วันนี้ทางสมาคมได้เชิญคณะกรรมการด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับผู้ตัดสิน ผู้ช่วยผู้ตัดสิน ตลอดจนผู้ควบคุมการแข่งขัน แมตช์คอม มาประชุมหาแนวทางวิธีแก้ไขปัญหา ซึ่งเกิดจากการทำหน้าที่ เพื่อให้การแข่งขนในแมตช์ที่เหลือเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ ยุติธรรม ต่อทุกฝ่าย”
“จากการตรวจสอบผู้ตัดสินในไทยลีก 26 คน พบว่า มีผู้ตัดสินมีโทษติดตัว 15 คน ยังไม่เคยถูกลงโทษ 11 คน ทำให้ที่ประชุมมีมติว่าอีก 7 แมตช์ ที่เหลือเราจะใช้ผู้ตัดสินที่ไม่เคยถูกลงโทษ และการประกาศรายชื่อจะประกาศ 1 วันก่อนการแข่งขัน จะไม่มีการประกาศชื่อก่อน 3 วันเหมือนที่ผ่านมา เพื่อป้องกันข้อครหา นั้นคือ ที่เราดำเนินการในระยะสั้น 7 นัดสุดท้าย โดยเฉพาะแมตช์ที่มีการแข่งขันของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่เป็นสองทีมเต็งในการลุ้นแชมป์ฤดูกาลนี้”
“ส่วนในระยะยาว ต่อไปนี้สมาคมจะคัดเลือกผู้ตัดสินที่มีคุณสมบัติความสามารถ ประสบการณ์ เข้ามาทำหน้าที่ คัดมาเป็นผู้ตัดสินของสมาคม เราจะมีการจัดดิวิชั่นให้ผู้ตัดสิน และได้รับค่าตอบแทนที่สูงกว่าทั่วไป ถ้าเขาทำได้ดีก็จะได้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ทว่า ถ้าถูกร้องเรียนก็จะถูกส่งไปทำหน้าที่ในดิวิชั่น 1 และเอาผู้ตัดสินที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่และมีผลงานดีขึ้นมาแทน”
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.สมยศ ยังเผยเพิ่มเติมว่า “เรายังพิจารณาค่าตอบแทนผู้ตัดสินทั้งหมด ซึ่งถึงเวลาแล้วที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะปรับเพิ่ม เพราะที่ผ่านมา เรตการจ่ายค่อนข้างไม่เพียงพอ ตรงนี้คือสิ่งที่เราคิดจะดำเนินการ โดยเฉพาะในดิวิชั่น 2 ซึ่งทางสมาคมฯ จะประสานเร่งไปทางการกีฬาแห่งประเทศไทย แต่ในเบื้องต้นทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะแก้ไขด้วยการสำรองจ่ายไปเหมือนที่ผ่านมาก่อน”