เอเยนซี - ศึก ยูโร 2016 รอบ 8 ทีมสุดท้ายส่งตรงจากประเทศฝรั่งเศส คืนวันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม นี้ ต้องบอกว่าเป็นคู่ “รักพี่เสียดายน้อง” ระหว่าง เบลเยียม ชาติลูกหนังเบอร์ 2 ของโลก พบ “มังกรแดง” เวลส์ มีขึ้น ณ สต๊าด ปิแอร์-มูรัว ตอนตี 2 ตามเวลาไทย
ให้เกียรติเริ่มที่ เบลเยียม ในฐานะที่ผ่านเวที ยูโร มามากกว่า โดย 4 ครั้งก่อนหน้านี้ ผลงานดีที่สุดคือรองแชมป์เมื่อปี 1980 ส่วน เวิลด์ คัพ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในตัวเต็ง เพราะอัดแน่นไปด้วยนักเตะบิ๊กแมตช์ทั้งสิ้นก่อนจะไปจอดป้ายรอบ 8 ทีมสุดท้าย
เบลเยียม ยิ่งเล่นยิ่งดี หลังออกสตาร์ทกลุ่ม อี ด้วยความพ่ายแพ้โดนความเขี้ยวของ อิตาลี เล่นงานจึงเสียท่าไปด้วยสกอร์ 0-2 แต่รอบ 16 ทีมสุดท้ายถือว่าพีคสุดขีดยำใหญ่ ฮังการี 4-0 เอเดน ฮาซาร์ด เพลย์เมกเกอร์จากค่าย เชลซี คว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ยิง 1 ประตูพร้อมจ่ายให้เพื่อนถลุงได้อีก สถิติเกมนั้นระบุว่าวิ่งไปเกือบ 15 กิโลเมตรเลยทีเดียว
แมตช์นี้เตะที่เมืองลีลล์ ห่างจากตะวันตกของ เบลเยียม แค่ 10 กิโลเมตร ดังนั้น เหมือนกับว่า ฮาซาร์ด ได้เล่นที่บ้าน หลังจากเคยค้าแข้งให้ “ตราหมา” ถึง 5 ฤดูกาลก่อนย้ายไปอยู่กับ เชลซี เมื่อปี 2012 โดยมาอยู่อคาเดมีตั้งแต่อายุ 14 ปีก่อน จะได้รับโอกาสขึ้นชุดใหญ่เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2007 ครั้งวัยได้ 16 ปีเท่านั้น ซึ่งฤดูกาล 2010-11 พาสโมสรน้ำหอมคว้าดับเบิลแชมป์ลีกกับบอลถ้วยถือเป็นแชมป์เมเจอร์ครั้งแรกรอบ 56 ปี
อย่างไรก็ตาม เกมนี้เล่นที่สนามแห่งใหม่ของ ลีลล์ คือ สต๊าด ปิแอร์-มูรัว ความจุ 50,000 ที่นั่ง ซึ่ง ฮาซาร์ด ก็จะได้สัมผัสเป็นครั้งแรก ไม่ใช่แค่นั้นเกมนี้ยังมีนักเตะ เบลเยียม รายอื่นที่เคยเล่นให้สโมสรฝรั่งเศสแห่งนี้ ก็คือ ดิว็อค โอริกี กองหน้าที่ปัจจุบันสังกัด ลิเวอร์พูล
ตัวอันตรายของ เบลเยียม ยังมี เควิน เดอ บรุยน์ อีกหนึ่งมิดฟิลด์จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี รวมถึงกองหน้าทั้งตัวจริงและตัวสำรองที่พร้อมทดแทนกันได้ยามที่ใครคนใดคนหนึ่งเล่นไม่ออกทั้ง โรเมลู ลูกากู, มิชี บัตชัวยี และ โอริกี แต่มีจุดอ่อนที่เกมรับ โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์ ที่เติมขึ้นมาเล่นเกมรุกดีทว่าไม่แกร่งยามปะทะกับคู่ต่อสู้กลางอากาศ
ทางด้าน เวลส์ เชื่อว่า หลายคนก็ส่งใจเชียร์ไม่น้อย หลังจากเล่น ยูโร ครั้งแรกแต่ทำผลงานยอดเยี่ยมคว้าแชมป์กลุ่ม บี ก่อนที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายจะเฉือน ไอร์แลนด์เหนือ 1-0 ก่อนหน้านี้ ที่เคยเล่นทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ครั้งเดียว คือ เวิลด์ คัพ ปี 1958 เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายก่อนจะแพ้ บราซิล 0-1
ว่าไปแล้วนักเตะของ เวลส์ ก็ถือว่าชื่อชั้นเป็นรอง เบลเยียม ไม่มากนัก นำโดย แกเร็ธ เบล ปีกจรวดค่าย รีล มาดริด เจ้าของแข้งค่าตัวแพงที่สุดในโลกที่ซัดไปแล้ว 3 ประตู กับ 2 กองกลาง อารอน แรมซีย์ (อาร์เซนอล) และ โจ อัลเลน (ลิเวอร์พูล)
รอบคัดเลือกทั้งคู่ก็อยู่กลุ่มเดียวกัน เบลเยียม เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายที่ฝรั่งเศสในฐานะแชมป์กลุ่ม แต่ 2 นัด ชนะ เวลส์ ไม่ได้เลย โดยเปิดบ้านเสมอ 0-0 ก่อนบุกพ่าย 0-1 จากการยิงของ เบล ซึ่งก่อนเกม มาร์ค วิลม็อตส์ นายใหญ่ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เผยไม่มีแผนจับตายแต่อย่างใด
วิลม็อตส์ กล่าวว่า “เรารู้ดีว่า เวลส์ ทำผลงานได้ดี มีพัฒนาการอันยอดเยี่ยมภายใต้การนำของ 2 แข้งระดับหัวกะทิ อย่าง แรมซีย์ กับ เบล รอบคัดเลือกเราแพ้ เพราะถูกความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะเล่นงาน รวมถึงทิ้งโอกาสตัวเอง เบล ยังวิ่งพล่านไปทั่วในฐานะตัวฟรี ทว่า ผมไม่มีแผนประกบตัวต่อตัว แต่เราทั้งทีมจะช่วยกันรับมือต่างหาก”
คริส โคลแมน กุนซือ เวลส์ เล่นระบบ 3-5-2 คล้ายกับ อิตาลี ที่ เบลเยียม เสียท่ามาแล้วในรอบแรก ดังนั้น ต้องดูว่า “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” จะเจาะเข้าหรือไม่ ขณะที่แบ็กขวาของ “มังกรแดง” คือ คริส กันเทอร์ ต้องรับมือ ฮาซาร์ด ดูแล้วน่าจะเป็นเกมที่แลกหมัดกันอย่างถึงพริกถึงขิง