โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) หรือ ทีวีพูล ร่วมกับ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ทุ่มงบ 400 ล้านบาท ถ่ายทอดสดมหกรรม โอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่ประเทศบราซิล ให้แฟนกีฬาชาวไทยได้รับชมผ่านจอทีวีวันละ 14 ชั่วโมง ตลอดการแข่งขัน
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) หรือ ทีวีพูล ร่วมกับ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ จัดงานแถลงข่าว การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาใน โอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 31 ประจำปี 2016 ณ เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ระหว่างวันที่ 5 - 21 สิงหาคม นี้
สำหรับ “ริโอ เกมส์ 2016” จะมีการถ่ายทอดสดทั้งสิ้น 28 ชนิดกีฬา และจะทำการถ่ายทอดสดวันละ 14 ชั่วโมง รวมแล้วเบ็ดเสร็จไม่น้อยกว่า 200 ชั่วโมง ตลอดการแข่งขัน ภายใต้งบประมาณกว่า 400 ล้านบาท
ทั้งนี้ พิธีเปิดในวันที่ 5 สิงหาคม ช่อง 3 และ ช่อง 11 เป็นผู้ดำเนินการถ่ายทอดสด ส่วนพิธีปิด วันที่ 21 สิงหาคม จะเป็น ช่อง 5 และ ช่อง 7 ที่รับหน้าที่ ขณะที่ช่วงการแข่งขันจะสลับหมุนเวียนถ่ายทอดสดวันละ 2 ช่อง ทาง ช่อง 3, ช่อง 5, ช่อง 7, ช่อง 9 (เอ็มคอตเอชดี) และช่อง 11
พลเอก กิตติ อินทสร ประธานโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก กล่าวว่า “ในส่วนการถ่ายทอดสด และรายงานการแข่งขัน โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และกรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะองค์กรสื่อมวลชนหลักของประเทศ ได้ตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ จึงได้ดำเนินการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) เพื่อนำภาพแห่งความประทับใจของนักกีฬาไทยกลับมาแพร่ภาพออกอากาศ ไปสู่ประชาชนผู้รับชมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดย ช่อง 3, ช่อง 5, ช่อง 7, โมเดิร์นไนน์ทีวี และ ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ จะได้ร่วมมือกันทำการถ่ายทอดสดเพื่อให้พี่น้องชาวไทยได้ติดตามรับชม และร่วมส่งกำลังใจเชียร์ทัพนักกีฬาไทยที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในเวทีสากลตลอดห้วงการแข่งขัน”
นายจำลอง สิงห์โตงาม รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจในฐานะที่เป็นผู้แทนของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT ที่ได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานกับสมาชิกเครือข่ายโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในการทำหน้าที่ การถ่ายทอดสดและรายงานข่าวการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 31 โอกาสนี้จะเป็นครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งที่พี่น้องคนไทยทั้งประเทศสามารถติดตามผลงานการแข่งขันกีฬาของคนทั้งโลกผ่านการรับชมทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย พร้อมทั้งรับฟังผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ตามตารางการถ่ายทอดในแต่ละวัน”
นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ ปฏิบัติการแทนรักษาการกรรมการผู้จัดการ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 กล่าวว่า “สำหรับการถ่ายทอดสดการแข่งขันโอลิมปิก ปี 2016 นี้ ทางช่อง 3 ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการดูแลสิทธิ์ทางด้านการตลาดและการขายของทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยการแข่งขันโอลิมปิก 2012 ที่ลอนดอน เมื่อสี่ปีที่ผ่านมา สำหรับในแง่ของเรตติ้งก็ได้รับการตอบรับจากผู้ชมเป็นอย่างสูง อีกทั้งด้านของการขายก็ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเช่นกัน และสำหรับในปี 2016 จากกระแสความสนใจและการติดตามเชียร์นักกีฬาไทยของผู้ชม ส่งผลให้ได้รับการตอบรับจากหลาย ๆ เอเยนซีในการเข้าร่วมสนับสนุนการถ่ายทอดสดในครั้งนี้ ซึ่งในขณะนี้ยังคงมีแพกเกจให้ท่านเอเยนซีได้เลือกสนับสนุนอีกจำนวนหนึ่ง”
นายพลากร สมสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 กล่าวว่า “ช่อง 7 สี ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลด้านการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 31 ปี 2016 เราจะมีการถ่ายทอดสดกีฬาทั้งหมด 28 ชนิด โดยจะถ่ายทอดสดวันละ 14 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 200 ชั่วโมง ตลอดการแข่งขัน ซึ่งมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา และแต่ละช่องจะสลับหมุนเวียนกันถ่ายทอดสด โดยแมตช์แรกที่ถ่ายทอดสด คือ ฟุตบอล ซึ่งจะเริ่มการแข่งขันก่อนกีฬาประเภทอื่น และจะมีพิธีเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 สิงหาคม โดย ช่อง 3 และ ช่อง 11 จะเป็นผู้ถ่ายทอดสด และในช่วงระหว่างการแข่งขัน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม ถึงวันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม นั้น แต่ละช่องจะหมุนเวียนกันถ่ายทอดสดวันละ 2 ช่อง โดยจะปิดท้ายที่ ช่อง 5 และ ช่อง 7 เป็นผู้ถ่ายทอดสดพิธีปิดในวันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม”
นายศิวะพร ชมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับความพร้อมในการเตรียมการถ่ายทอดสดและรายงานข่าวการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 31
ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของวงการดิจิตอล ที่จะมีการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมาตรฐานใหม่ของการแสดงผลบนหน้าจอ ด้วยความคมชัดแบบ 4K หรือ Ultra HD ซึ่งมีความละเอียดของขนาดภาพ 8 ล้านพิกเซล เป็นครั้งแรกของโลก แต่เนื่องจากระบบแพร่ภาพออกอากาศในประเทศไทยยังคงใช้มาตรฐานความคมชัดแบบ 2K หรือ Full HD โดยทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย จะแปลงสัญญาณจากแบบ 4K มาเป็นแบบ 2K สำหรับการรับชมในประเทศไทย”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***