xs
xsm
sm
md
lg

“กิเลน” ไม่แชมป์ก็บ้าแล้ว / ชมณัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”

ขณะที่ปั่นต้นฉบับอยู่นี้ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จ่าฝูงในปัจจุบัน ชนะติดต่อกันเป็นนัดที่ 11 แล้ว ก่อนเข้าสู่นัดสุดท้ายของครึ่งทาง ศึก โตโยต้า ไทย ลีก 2016และคงไม่มีเหตุให้พลิกล็อคชวดแชมป์เลกแรก รวมถึงเข้าวินในบั้นปลายซีซันด้วยเช่นกัน

เอสซีจี เมืองทองฯ เปิดตัวด้วยคอนเซ็ปต์ “ดรีมทีม” ภายใต้การคุมทัพของ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน กุนซือป้ายแดง พร้อมดึงสตาร์ทีมชาติไทยมาร่วมทัพล้นทีม ไม่ว่าจะเป็น “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ทริสตอง โด และ อดิศักดิ์ ไกรษร พ่วงด้วยแข้งต่างชาติอย่าง มิคาเอล เอ็นดรี หอกฝรั่งเศส ดีกรีดาวซัลโวลีกรองเมืองน้ำหอม และ มาริโอ อบรานเต ปราการหลังสแปนิช จาก ลา ลีกา

ออกสตาร์ท 5 นัดแรก ลูกทีมของ “โค้ชแบน” ยังจูนกันไม่เข้าที่ ชนะ 3 นัด และแพ้คาบ้าน 2 นัด แต่จากนั้นเมื่อฟอร์มเริ่มเข้าฝักก็ระเบิดผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ด้วยการกำชัย 11 นัดรวด และยังทำคลีนชีตได้ถึง 6 นัดติด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการบุกยำแชมป์เก่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงถิ่น 3-0

ปัจจุบันแข่ง 16 นัด ชนะ 14 แพ้ 2 ยิงได้ 33 เสีย 7 มี 42 คะแนน รั้งจ่าฝูง มีคะแนนเหนือ แบงค็อก ยูไนเต็ด 2 แต้ม นอกจากนี้ยังมี เคลย์ตัน ซิลวา ดาวยิงบราซิเลียน ที่ระเบิดไป 15 ประตู นั่งแท่นผู้นำดาวซัลโว

นอกจากปัจจัยเรื่องตัวผู้เล่นระดับไฮโปรไฟล์แล้ว ล่าสุด “กิเลนผยอง” ยังมีไม้เด็ดที่ข้างสนาม ดั่งเช่นที่แสดงให้เห็นในเกมเยือน อาร์มี่ ยูไนเต็ด ซึ่งเกมนั้นเจ้าถิ่นทหารบก ทำการบ้านมาอย่างดี ปิดตายเกมรุกของแชมป์ 3 สมัย อยู่หมัดจนแทบจะไม่มีโอกาสส่องสกอร์เหน่งๆ หรือถ้าได้ลุ้นก็ไม่ผ่านมือ ฮัสซัน ซันนี นายด่านสิงคโปร์จอมหนึบ กระทั่งนาที 85 ชัยวัฒน์ บุราญ มิดฟิลด์วัย 21 ปี ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนลงสนามมาได้ 8 นาที ก็ลากตะลุยขึ้นไปส่องเสียบตาข่ายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เป็นประตูชัยให้ทีมชนะ 1-0 และนับเป็นลูกแรกของเจ้าตัวในสีเสื้อกิเลน

ซึ่งฟอร์มแบบนี้คือฟอร์มของทีมที่จะก้าวขึ้นเป็นแชมป์อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องดาหน้าระเบิดตาข่ายทุกเกม ขอเพียงลูกเดียวแล้วได้ 3 แต้มเป็นพอ ซึ่งระยะหลังที่ทีมต้องปล่อยแข้งไทยไปรับใช้ชาติจนเกิดอาการล้า เอสซีจี เมืองทองฯ ก็ยังมีทีเด็ดของ มิคาเอล เอ็นดรี ที่ลงมาโขกท้ายเกมเฉือนชัยบ่อยครั้ง

ส่วนในเลกสอง เสริมอาวุธหนักสองรายเน้นๆ คือ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน แบ๊กซ้ายกัปตันทีมชาติไทย และ ซูมาโฮโร ยาย่า ปีกชาวไอวอรีโคสต์ ผู้เคยพา “กิเลนผยอง” เถลิงบัลลังก์แชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกเมื่อปี 2009 ก่อนจะย้ายไปโลดแล่นบนเวทียุโรปด้วยค่าตัวสถิติลูกหนังไทย ณ เวลานั้น ที่ราคา 20 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ยังมีกระแสข่าวว่าเตรียมกระชากตัว อดิศร พรหมรักษ์ ปราการหลังทีมชาติไทย ชุดแชมป์ คิงส์ คัพ ครั้งที่ 44 จากบีอีซี เทโรศาสน มาเสริมความแกร่งหลังบ้านอีกราย ซึ่งมีโอกาสสูงที่ “เจ้าเก่ง” จะย้ายเข้าเป็นสมาชิกใหม่ในถิ่น เอสซีจี สเตเดียม ตามอดีตเพื่อนร่วมทีมมังกรไฟ 5 รายก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกันด้านทีมคู่แข่ง เมื่อกวาดตาดูแล้วยังไม่มีทีมไหนที่จะก้าวขึ้นมาทาบรัศมีได้ ไม่ว่าจะเป็น แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่แม้จะทำผลงานได้ดี แต่ก็เพิ่งจะเคยเกาะหัวตารางจริงจังเพียงปีแรก ส่วน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตามหลังถึง 13 แต้ม และยังต้องปวดหัวกับการเปลี่ยนแปลงแข้งต่างชาติที่เสริมเข้ามาแล้วยังไม่การันตีว่าจะใช้งานได้จริง

เมื่อทุกอย่างเพียบพร้อมแบบนี้ หากฤดูกาลนี้ไม่สามารถที่จะคว้าโทรฟีมาเชยชมได้ก็คงต้องอุทานว่า “บ้าไปแล้ว” แน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น