อย่าพลาดไฮไลต์เด่น “ยูโร” รอบน็อกเอาต์

เอเยนซี - ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส พักการแข่งขัน 2 วัน หลังจากได้ 16 ชาติ เข้าสู่รอบน็อกเอาต์เรียบร้อย ก่อนจะกลับมาโม่แข้งกันต่อวันที่ 25 มิถุนายนนี้ ซึ่งก่อนหน้านั้นไปลองจับตากันดูหน่อยดีกว่าว่าด่านต่อไปนั้นมีอะไรน่าสนใจบ้าง

สายสุดโหด - รอบ 16 ทีมสุดท้ายสายล่าง อัดแน่นไปด้วยชาติมหาอำนาจ โดยทั้งหมด 8 ชาตินั้น มีถึง 4 ทีมที่เคยเป็นแชมป์ อาทิ เยอรมนี กับ สเปน แชมป์สูงสุดร่วมกัน 3 สมัย รวมถึงเจ้าภาพ ฝรั่งเศส แชมป์ 2 สมัยกับ อิตาลี ที่ห่างหายจากแชมป์มาตั้งแต่เมื่อปี 1968 นอกจากนี้ ยังมี อังกฤษ ที่เหลือก็ สโลวาเกีย, ไอร์แลนด์ และ ไอซ์แลนด์

รีแมตช์รอบชิง - แชมป์เก่า สเปน ที่กำลังลุ้นแชมป์สมัยที่ 3 ติดต่อกันดันพลาดท่าจบอันดับ 2 กลุ่ม ดี จึงต้องมาเจอกับ อิตาลี แชมป์กลุ่ม อี ถือเป็น “บิ๊กแมตช์” ที่มาเยือนก่อนกำหนดเตะวันที่ 27 มิถุนายน ตอน 5 ทุ่ม ณ สต๊าด เดอ ฟรองซ์ โดยเป็นการรีแมตช์รอบชิงเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่ “กระทิงดุ” ยำใหญ่ 4-0 ทว่า “อัซซูรี” เปลี่ยนจาก เซซาเร ปรันเดลลี มาเป็น อันโตนิโอ คอนเต คุมทัพ

No Pirlo No Party - คอนเต กุนซือทีมชาติอิตาลี ไม่เรียกใช้บริการ อันเดรีย ปิร์โล จอมทัพวัย 37 ปี ที่เล่นให้กับ นิว ยอร์ก ซิตี ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะได้ฉลองแชมป์หรือไม่ หลังจาก 2 นัดแรกเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมชนะ เบลเยียม 2-0 กับเฉือน สวีเดน 1-0 ด้วยบอลเขี้ยวตามสไตล์ ก่อนมาตกม้าตายนัดสุดท้ายกลุ่ม อี แพ้ ไอร์แลนด์ 0-1 ทว่าอาจเพราะเปลี่ยนนักเตะค่อนทีม

ดาวเด่น - รอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านมา มีนักเตะที่ยิงไปสูงสุดเท่ากัน 3 ประตู 2 คน คือ อัลบาโร โมราตา (กองหน้า / สเปน) กับ แกเร็ธ เบล (แนวรุก / เวลส์) โดยแข้ง รีล มาดริด ยิง 3 นัดติดต่อกัน 2 ลูกนั้น มาจากฟรีคิก ซึ่งถือเป็นคนแรกนับตั้งแต่ โธมัส เฮสเลอร์ (มิดฟิลด์ / เยอรมนี) ทำไว้เมื่อปี 1992 ส่วน คริสเตียโน โรนัลโด แนวรุกทีมชาติโปรตุเกสเป็นคนแรกที่ยิงได้ใน ยูโร 4 หนติดต่อกัน

โครแอต - โครเอเชีย คว้าแชมป์กลุ่ม ดี ด้วยผลงานยอดเยี่ยมไม่แพ้ใคร แถมชนะ สเปน 2-1 โดยรอบ 16 ทีมสุดท้าย จะพบกับ โปรตุเกส แถมอยู่สายบน มีโอกาสสูงที่จะกรุยทางเข้าสู่รอบลึก ๆ ผลงาน 4 ครั้ง ที่เล่น ยูโร ก่อนหน้านี้ดีที่สุด คือ รอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยแข้งชุดนี้ถูกมองว่าดีกว่าปี 1998 ที่คว้าอันดับ 3 เวิลด์ คัพ ที่มี ดาวอร์ ซูเคอร์, ซโวนิเมียร์ โบบัน และ โรเบิร์ต โปรซิเนกกี

อาจถือเป็นการเปิดยุคใหม่ของ โครเอเชีย เฉกเช่นปี 1998 ก็เป็นได้ โดย “ตาหมากรุก” ชุดนี้นั้นอัดแน่นไปด้วยนักเตะพรสวรรค์ นำทัพมาด้วย 2 มิดฟิลด์ อิวาน ราคิติช ที่เล่นให้กับ บาร์เซโลนา กับ ลูกา โมดริช ของ รีล มาดริด นอกจากนี้ ยังมี มาริโอ มานด์ซูคิช, อิวาน เปริซิช รวมถึงตัวเก๋าอย่าง ดาริโอ เซอร์นา กับ เวดราน ชอร์ลูกา ในแผงแนวรับ

เบลเยียม - ชาติหมายเลข 1 ของยุโรปเวลานี้ จากการจัดอันดับของ ฟีฟา โดยเป็นเบอร์ 2 ของโลกรองจาก อาร์เจนตินา ซึ่ง “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” มีนักเตะชื่อชั้นคุ้นหูเล่นในลีกดังจึงได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ในเต็งแชมป์ การได้อยู่สายบนหลีกทีมใหญ่ถือเป็นเรื่องดี หลังจาก เวิลด์ คัพ ปี 2014 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย เพราะแพ้ “ฟ้า-ขาว”

ม้ามืด - สำหรับรอบ 16 ทีมสุดท้ายมีชาติที่ลงเล่น ยูโร เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์และสามารถผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาได้ถึง 4 ทีม คือ เวลส์, สโลวาเกีย, ไอร์แลนด์เหนือ และ ไอซ์แลนด์ ซึ่งต้องมาจับตาดูว่าใครจะมาสร้างเซอร์ไพรส์ นอกจากนี้ ยังมี ไอร์แลนด์ กับ ฮังการี อีกด้วย

ยูโรหนสุดท้าย - มีนักเตะชื่อดังที่คุ้นหูหลายคนที่อาจจะเล่นอำลา ยูโร ตามรอย ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หอกสวีเดนที่โบกมือลาทีมชาติไปพร้อมกับการตกรอบแรก ที่เหลือต้องเตะรอบน็อกเอาต์ก่อน ก็มี ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซน (ไอซ์แลนด์) ริคาร์โด คาร์วัลโญ (โปรตุเกส) เชย์ กิฟเวน, จอห์น โอเชีย และ ร็อบบี คีน (ไอร์แลนด์) จานลุยจิ บุฟฟอน (อิตาลี) รอย คาร์โรลล์ (ไอร์แลนด์เหนือ) กาบอร์ คิราลีย์ (ฮังการี) และ อาร์เทอร์ โบรุค (โปแลนด์)