พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มอบเงินค่าตอบแทนการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในศึก โตโยต้า ไทย ลีก และ ยามาฮ่า ลีก ดิวิชั่น 1 ประจำเดือนเมษายน ฤดูกาล 2016 เป็นที่เรียบร้อยหลังได้รับเอกสารครบถ้วน รวม 1,741,538 บาท
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย พล.ต.ท.บริหาร เสี่ยงอารมณ์ ประธานบริหาร บริษัท พรีเมียร์ลีก (ไทยแลนด์) ร่วมมอบเงินค่าตอบแทนการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในศึกฟุตบอลไทยลีก และดิวิชั่น 1 ประจำเดือนเมษายน 2559 โดยมี นายพีระพล ภูอุดม เหรัญญิกกองทุนสวัสดิการผู้ตัดสิน เป็นผู้รับมอบเพื่อไปดำเนินการจ่ายให้กับกรรมการผู้ตัดสินต่อไป
สำหรับการจ่ายเงินให้กับกรรมการผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่ในเดือนเมษายน แบ่งเป็นผู้ตัดสินที่ลงทำหน้าที่ในเกมไทยลีก รวมเงินทั้งหมด 1,258,090 บาทถ้วน และดิวิชั่น 1 รวมเงินทั้งหมด 483,448 บาท ส่วนเงินค่าตอบแทนการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในเดือนพฤษภาคมนั้น ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการรวบรวมเอกสารต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าน่าจะเสร็จสิ้นและทำการส่งมอบให้กับผู้ตัดสินได้เร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ ในอนาคตจะมีการใช้ระบบการโอนเข้าบัญชีโดยตรง เพื่อความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวว่า หลังจากที่บริษัท พีแอลที ได้รับเอกสารการทำหน้าที่ผู้ตัดสินในเดือนเมษายนครบถ้วนเมื่อวานนี้ บริษัท พีแอลที จึงได้ดำเนินการมอบเงินให้กับกองทุนสวัสดิการผู้ตัดสินทันทีในวันนี้ เพราะฉะนั้นขอให้ผู้ตัดสินทุกท่านที่ลงทำหน้าที่ช่วยดำเนินการเรื่องเอกสาร เพื่อที่ทางบริษัท พีแอลที จะได้ดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ นายกสมาคมฯ ยังได้กล่าวถึงการพัฒนากรรมการผู้ตัดสิน ว่า ขณะนี้ การแก้ไขปัญหาเรื่องข้อครหาของกรรมการในการทำหน้าที่ผู้ตัดสิน และผู้ช่วยผู้ตัดสิน ไม่เป็นที่ยอมรับของสโมสรต่าง ๆ ซึ่งมีการร้องเรียนเข้ามาตลอด โดยเฉพาะแมตช์สำคัญ ๆ จะมีการกล่าวอ้างว่าการทำหน้าที่ไม่มีมาตรฐานสากลพอ เพราะฉะนั้นในการแก้ปัญหาซึ่งทางสมาคมได้มีการวางแผนแก้ไขทั้งระยะสั้นและระยะยาว ระยะสั้นก็คือ การที่สมาคมร้องขอไปยังเอเอฟซี และ เจลีก เพื่อให้ส่งผู้ตัดสินเข้ามาช่วยทำหน้าที่ในแมตช์สำคัญ ๆ ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงาน
ขณะที่ การแก้ไขปัญหาในระยะยาว เรามีการเปิดการอบรมให้กับกรรมการผู้ตัดสินโดยมีวิทยากรของเอเอฟซีเข้ามาให้ความรู้ ทั้ง ภาควิชาการ และภาคปฏิบัติ นอกจากนี้ ได้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ จากมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เข้ามาช่วยในการนำเทปมาดูว่าการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินมีความผิดพลาด หรือต้องแก้ไขปรับปรุงในจุดไหนบ้าง ซึ่งในอนาคตสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะมีการเซ็น MOU เพื่อร่วมมือกันพัฒนาวงการผู้ตัดสิน
ทั้งนี้ การพัฒนาผู้ตัดสินมันต้องใช้เวลา เราไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาแค่เดือนสองเดือน อาจต้องใช้เวลาเป็นปีในการสร้างผู้ตัดสินรุ่นใหม่ ๆ ขึ้นมา ในอนาคตถ้าเรามีผู้ตัดสินรุ่นใหม่ ๆ ก้าวขึ้นมามากพอ เราจะสามารถเลือกผู้ตัดสินที่มีคุณภาพ มีความพร้อม ให้ลงทำหน้าที่ได้ และต่อไปผู้ตัดสินที่ผ่านการอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ของสมาคมแล้ว จะมีการออกหนังสือรับรองให้กับผู้ตัดสิน ซึ่งใครไม่มีก็จะไม่ได้ลงทำหน้าที่ ขณะที่ผู้ตัดสินที่มีใบรับรอง แต่ทำหน้าที่แล้วเกิดข้อสงสัย หรือข้อครหา บ่อยครั้งก็อาจโดนยึดหนังสือรับรอง และหมดสิทธิ์ทำหน้าที่ได้
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *