คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ผมไม่รู้ว่า เมื่อไรที่การแข่งขันกีฬาในทวีปเอเชียของเราจะมีเงินรางวัลมหาศาลให้ไขว่คว้า เพราะเดี๋ยวนี้การกีฬาในทวีปอื่นๆทั่วโลกมักมีสปอนเซ่อร์ผู้ให้การสนับสนุนหลักๆล้วนเป็นธุรกิจของชาวเอเชียทั้งสิ้น แล้วทำไมเงินทองเนื้อๆของทวีปที่ครองเศรษฐกิจโลกตัวจริงอย่างเราจึงไปตกอยู่ในมือของนักแสดงทางฝั่งทวีปยุโรปและอเมริกาอยู่ร่ำไป นี่ยังไม่นับการแข่งขันที่มักจัดให้ตรงกับช่วงที่คนของทางนั้นสามารถติดตามชมการแข่งขันได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องอดนอน ทนถ่างตาดูในยามดึกสงัด ตี 2 ตี 4 อย่างที่ผ่านมาร่วมครึ่งศตวรรษ
ในกรณีที่เป็นกีฬาชิงแช้มพ์ทวีปเขา เราก็คงต้องยอมจำนน เพราะจะให้ฟุตบอลยุโรปมาจัดการแข่งขันในทวีปเอเชียนั้นคงไม่ใช่เรื่อง แต่อย่างน้อยมันก็ต้องมีการเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันบ้าง ไม่ใช่ว่าให้เงินสปอนเซ่อร์ก็แล้ว เสียเงินซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดโทรทัศน์ก็แล้ว ต้องถ่างตาดูการแข่งขันอีก โดยไม่ได้อะไรกลับคืนมาบ้าง ใช่ครับ ผมหมายถึงซื้อเรือดำน้ำแลกข้าวสารนั่นแหละครับ
ผมยังจำได้ว่า ยูโร หนก่อนที่ โปแลนด์ กับ อูคราอิน ร่วมกันเป็นเจ้าภาพนั้น เขาจัดเตรียมเงินรางวัลทั้งสิ้น 196 ล้าน ยูโร หรือประมาณ 7,840 ล้าน บาท โดยมีเงินรางวัลให้แช้มพ์ 7.5 ล้าน ยูโร ซึ่งระหว่างกรุยทางขึ้นมาถึงรอบชิงชนะเลิศนั้น สเปน ยังกวาดเงินรางวัลได้อีกหนักเลย ทำให้ สเปน ซึ่งเป็นแช้มพ์ครั้งนั้นรับเงินไปทั้งสิ้น 23 ล้าน ยูโร หรือประมาณ 920 ล้าน บาท ในขณะที่ทีมที่จบการแข่งขันในอันดับโหล่สุดอย่าง เนเธอร์แลนด์ส และ อายร์แลนด์ ยังได้รับทีมละ 8 ล้าน ยูโร
ยูโร 2016 ที่ ฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพนี้ ต้องเพิ่มกองทุนเงินรางวัลขึ้นอีกมากเป็น 301 ล้าน เออโร หรือประมาณ 12,040 ล้าน บาท อันนี้ก็เป็นการปรับคุณค่าของการแข่งขันให้เพิ่มขึ้นเป็นไปตามกาลเวลา และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือการแข่งขันครั้งนี้มีการเพิ่มทีมเข้าร่วมเป็น 24 ทีม มากกว่าหนก่อนถึง 8 ทีมนั่นเอง
ทุกทีมที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้จะได้รับเงินอุดหนุนทีมไปก่อนแน่ๆ ทีมละ 8 ล้าน เออโร อันนี้เท่ากับหนก่อน และทีมใดจะได้รับเงินโบนัสเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับผลงานแล้ว ซึ่งในรอบแบ่งกลุ่ม เงินรางวัลก็ยังคงเดิม ในแต่ละนัดหากสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ก็รับไป 1 ล้าน เออโร เสมอได้แค่ 5 แสน เออโร แต่นัดไหนแพ้ก็ไม่ได้อะไรเลย และทีมที่ได้ผ่านเข้าไปในรอบ 16 ทีมจะได้รับเงินโบนัสอีก 1.5 ล้าน เออโร ดังนั้น ทีมที่ชนะหมดทั้ง 3 นัดในรอบแรกนั้น นอกจากจะได้เข้ารอบต่อไปอย่างแน่นอนแล้ว จะมีเงินตุนไว้ถึง 12.5 ล้าน เออโร
ตั้งแต่รอบ 16 ทีมเป็นการแข่งขันแบบ น้อค-เอ๊าท์ หากผ่านรอบนี้ไปถึงรอบ 8 ทีมได้ก็จะได้รับเงินอีก 2.5 ล้าน เออโร เงินรางวัลสะสมสำหรับทีมที่สร้างความสำเร็จได้ 100 เพอร์เซ็นท์จะเป็น 15 ล้าน เออโร แล้วนะครับ แล้วถ้าดันชนะอีก ได้เข้ารอบรองชนะเลิศ คราวนี้คว้าโบนัสไปอีกตั้ง 4 ล้าน เออโร รวมเป็นเงินสะสม 19 ล้าน เออโร ซึ่งทีมใดแพ้ในรอบนี้ก็จบเส้นทางเพียงเท่านี้ ไม่มีการชิงอันดับ 3 ครับ
ในนัดชิงชนะเลิศ ผู้ชนะได้รับเงินโบนัสอีก 8 ล้าน เออโร ส่วนผู้แพ้ยังได้เงิน 5 ล้าน เออโร มาปลอบใจ นั่นหมายถึงจากการเข้าร่วมแข่งขัน ยูโร 2016 อย่างต่ำๆทีมขี้เหร่สุดๆที่ตกรอบแรกอย่างไม่ได้ลืมตาอ้าปาก พบกับความปราชัยทั้ง 3 นัด ก็ยังมีเงินกลับบ้านไปแบ่งกัน 8 ล้าน เออโร หรือ 320 ล้าน บาท สำหรับทีมแช้มพ์ที่เกิดทำผลงานในรอบแรกได้อย่างเต็มสูบ ถล่มคู่แข่งได้ทั้ง 3 นัด จะได้รับเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 27 ล้าน เออโร หรือประมาณ 1,080 ล้าน บาท ครับ
ผมไม่รู้ว่า เมื่อไรที่การแข่งขันกีฬาในทวีปเอเชียของเราจะมีเงินรางวัลมหาศาลให้ไขว่คว้า เพราะเดี๋ยวนี้การกีฬาในทวีปอื่นๆทั่วโลกมักมีสปอนเซ่อร์ผู้ให้การสนับสนุนหลักๆล้วนเป็นธุรกิจของชาวเอเชียทั้งสิ้น แล้วทำไมเงินทองเนื้อๆของทวีปที่ครองเศรษฐกิจโลกตัวจริงอย่างเราจึงไปตกอยู่ในมือของนักแสดงทางฝั่งทวีปยุโรปและอเมริกาอยู่ร่ำไป นี่ยังไม่นับการแข่งขันที่มักจัดให้ตรงกับช่วงที่คนของทางนั้นสามารถติดตามชมการแข่งขันได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องอดนอน ทนถ่างตาดูในยามดึกสงัด ตี 2 ตี 4 อย่างที่ผ่านมาร่วมครึ่งศตวรรษ
ในกรณีที่เป็นกีฬาชิงแช้มพ์ทวีปเขา เราก็คงต้องยอมจำนน เพราะจะให้ฟุตบอลยุโรปมาจัดการแข่งขันในทวีปเอเชียนั้นคงไม่ใช่เรื่อง แต่อย่างน้อยมันก็ต้องมีการเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันบ้าง ไม่ใช่ว่าให้เงินสปอนเซ่อร์ก็แล้ว เสียเงินซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดโทรทัศน์ก็แล้ว ต้องถ่างตาดูการแข่งขันอีก โดยไม่ได้อะไรกลับคืนมาบ้าง ใช่ครับ ผมหมายถึงซื้อเรือดำน้ำแลกข้าวสารนั่นแหละครับ
ผมยังจำได้ว่า ยูโร หนก่อนที่ โปแลนด์ กับ อูคราอิน ร่วมกันเป็นเจ้าภาพนั้น เขาจัดเตรียมเงินรางวัลทั้งสิ้น 196 ล้าน ยูโร หรือประมาณ 7,840 ล้าน บาท โดยมีเงินรางวัลให้แช้มพ์ 7.5 ล้าน ยูโร ซึ่งระหว่างกรุยทางขึ้นมาถึงรอบชิงชนะเลิศนั้น สเปน ยังกวาดเงินรางวัลได้อีกหนักเลย ทำให้ สเปน ซึ่งเป็นแช้มพ์ครั้งนั้นรับเงินไปทั้งสิ้น 23 ล้าน ยูโร หรือประมาณ 920 ล้าน บาท ในขณะที่ทีมที่จบการแข่งขันในอันดับโหล่สุดอย่าง เนเธอร์แลนด์ส และ อายร์แลนด์ ยังได้รับทีมละ 8 ล้าน ยูโร
ยูโร 2016 ที่ ฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพนี้ ต้องเพิ่มกองทุนเงินรางวัลขึ้นอีกมากเป็น 301 ล้าน เออโร หรือประมาณ 12,040 ล้าน บาท อันนี้ก็เป็นการปรับคุณค่าของการแข่งขันให้เพิ่มขึ้นเป็นไปตามกาลเวลา และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือการแข่งขันครั้งนี้มีการเพิ่มทีมเข้าร่วมเป็น 24 ทีม มากกว่าหนก่อนถึง 8 ทีมนั่นเอง
ทุกทีมที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้จะได้รับเงินอุดหนุนทีมไปก่อนแน่ๆ ทีมละ 8 ล้าน เออโร อันนี้เท่ากับหนก่อน และทีมใดจะได้รับเงินโบนัสเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับผลงานแล้ว ซึ่งในรอบแบ่งกลุ่ม เงินรางวัลก็ยังคงเดิม ในแต่ละนัดหากสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ก็รับไป 1 ล้าน เออโร เสมอได้แค่ 5 แสน เออโร แต่นัดไหนแพ้ก็ไม่ได้อะไรเลย และทีมที่ได้ผ่านเข้าไปในรอบ 16 ทีมจะได้รับเงินโบนัสอีก 1.5 ล้าน เออโร ดังนั้น ทีมที่ชนะหมดทั้ง 3 นัดในรอบแรกนั้น นอกจากจะได้เข้ารอบต่อไปอย่างแน่นอนแล้ว จะมีเงินตุนไว้ถึง 12.5 ล้าน เออโร
ตั้งแต่รอบ 16 ทีมเป็นการแข่งขันแบบ น้อค-เอ๊าท์ หากผ่านรอบนี้ไปถึงรอบ 8 ทีมได้ก็จะได้รับเงินอีก 2.5 ล้าน เออโร เงินรางวัลสะสมสำหรับทีมที่สร้างความสำเร็จได้ 100 เพอร์เซ็นท์จะเป็น 15 ล้าน เออโร แล้วนะครับ แล้วถ้าดันชนะอีก ได้เข้ารอบรองชนะเลิศ คราวนี้คว้าโบนัสไปอีกตั้ง 4 ล้าน เออโร รวมเป็นเงินสะสม 19 ล้าน เออโร ซึ่งทีมใดแพ้ในรอบนี้ก็จบเส้นทางเพียงเท่านี้ ไม่มีการชิงอันดับ 3 ครับ
ในนัดชิงชนะเลิศ ผู้ชนะได้รับเงินโบนัสอีก 8 ล้าน เออโร ส่วนผู้แพ้ยังได้เงิน 5 ล้าน เออโร มาปลอบใจ นั่นหมายถึงจากการเข้าร่วมแข่งขัน ยูโร 2016 อย่างต่ำๆทีมขี้เหร่สุดๆที่ตกรอบแรกอย่างไม่ได้ลืมตาอ้าปาก พบกับความปราชัยทั้ง 3 นัด ก็ยังมีเงินกลับบ้านไปแบ่งกัน 8 ล้าน เออโร หรือ 320 ล้าน บาท สำหรับทีมแช้มพ์ที่เกิดทำผลงานในรอบแรกได้อย่างเต็มสูบ ถล่มคู่แข่งได้ทั้ง 3 นัด จะได้รับเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 27 ล้าน เออโร หรือประมาณ 1,080 ล้าน บาท ครับ