เอเยนซี - ศึก ยูโร 2016 เตรียมเปิดสนาม ณ สต๊าด เดอ ฟรองซ์ วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายนตอนตี 2 ตามเวลาประเทศไทย แน่นอนว่า ฝรั่งเศส ในฐานะเจ้าภาพต้องเล่นให้ประทับใจลุ้นเจาะตาข่าย โรมาเนีย เพื่อนร่วมกลุ่ม เอ ที่มีแนวรับสุดแกร่ง ซึ่งมาจับตาดูกันว่าจะมีพลิกล็อกหรือไม่สำหรับนัดแรกแบบนี้
ย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ฝรั่งเศส ดูมีแนวโน้มดีไม่น้อยภายใต้การคุมทัพของ ดิดิเยร์ เดส์ชองป์ส สามารถเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย เวิลด์ คัพ ที่ประเทศบราซิล ก่อนจะจอดป้ายด้วยน้ำมือของแชมป์ในบั้นปลายอย่าง เยอรมนี โดยพ่ายไป 0-1 ที่ผ่านมา “ตราไก่” มีสถิติดีในการรับหน้าเสื่ออีเวนต์สำคัญ คือ เป็นแชมป์ยุโรปเมื่อปี 1984 บนแผ่นดินเกิด มิเชล พลาตินี จอมทัพ “นโปเลียนลูกหนัง” ยิง 9 ประตูจาก 5 นัดรวมนัดชิงที่ “เลส์ เบลอส์” อัด สเปน 2-0 ตามด้วยปี 1998 ที่จัดฟุตบอลโลกก็ถล่ม บราซิล ในนัดชิง 3-0 ที่สนาม สต๊าด เดอ ฟรองซ์
เดส์ชองป์ส อดีตกองกลางฝรั่งเศสที่เคยประสบความสำเร็จเป็นแชมป์โลกปี 1998 กับ ยูโร 2000 ต้องแบกรับความกดดันไม่น้อยเพื่อฝ่าเสียงวิจารณ์ในการเลือกทัพ โดยเฉพาะกรณีที่หั่น คาริม เบนเซมา หอกจาก รีล มาดริด ที่ยิงในสีเสื้อทีมชาติ 27 ประตูจาก 81 นัด จากกรณีเซ็กซ์เทปแบล็กเมล์ มาติเยอ บัลบูเอนา กองกลางคนบ้านเดียวกัน ซึ่งก็มีการวิเคราะห์ถึงการตัดสินใจครั้งนี้ว่ามีเรื่องเชื้อชาติมาเกี่ยวข้อง เพราะนักเตะนั้นมีเลือดแอลจีเรียน
ดูแล้ว ฝรั่งเศส ต้องฝากความหวังเอาที่ดาวรุ่งว่าที่แข้งพันล้านอย่าง พอล ป็อกบา กองกลางจอมทัพจาก ยูเวนตุส วัยแค่ 23 ปีกับ อองตวน กรีซมันน์ แนวรุก แอตเลติโก มาดริด วัย 25 ปี ที่เพิ่งเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก จากผลงานยิง 32 ประตูจาก 54 นัด รวมทุกรายการฤดูกาลล่าสุด
อีก 2 คนที่น่าจับตามอง คือ กองหน้าอย่าง อองโตนีย์ มาร์กซิอาล วัย 20 ปีจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยปีแรกยิงไปได้ 17 ประตูจาก 49 นัดเล่นได้ทั้งริมเส้นและหน้าเป้า รวมถึง คิงส์ลีย์ โคมอง จาก บาเยิร์น มิวนิก วัยแค่ 19 ปี รายนี้ ก็ถือว่ามีฝีเท้าที่จัดจ้านไม่น้อย ที่เหลือก็ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ หัวหอก อาร์เซนอล ที่ถูกวิจารณ์เรื่องปืนฝืดและ ดิมิทรี ปาเยต์ จอมปั่นฟรีคิกจาก เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด
ส่วนกองหลังก็น่าเป็นห่วง มามาดู ซาโก จาก ลิเวอร์พูล ที่ถือเป็นตัวเลือกแรกไม่ผ่านโด๊ป อีกทั้ง ราฟาเอล วาราน ของ รีล มาดริด โชคร้ายมีปัญหาอาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวาย นอกจากนี้ ยังไร้ ลาสซานา ดิยาร์รา, เคิร์ต ซูมา, เฌเรมี มาติเยอ และ มาติเยอ เดอบูชี ดังนั้นแบ็กโฟร์ไล่จากขวาไปซ้ายคงเป็นหน้าที่ของ บาการี ซานญา, โลร็องต์ กอสเซียลนีย์, เอดิล รามี และ ปาทริค เอฟรา
ฟาก โรมาเนีย เคยเล่นรอบสุดท้าย ยูโร 4 ครั้ง ผลงานดีที่สุด คือ เมื่อปี 2000 ที่ เบลเยียม กับ เนเธอร์แลนด์ เป็นเจ้าภาพร่วม โดยไปได้ไกลถึงรอบ 8 ทีม ส่วนหนนี้คือ การคืนสังเวียนครั้งแรกรอบ 8 ปี ภายใต้การนำของ อังเคล ยอร์ดาเนสคู กุนซือที่สมัยเป็นนักเตะเคยนำ สเตอัว บูคาเรสต์ คว้าแชมป์ ยูโรเปียน คัพ ปี 1986
โรมาเนีย ยุคนี้ไร้ดาวเด่นนับตั้งแต่หมดยุค จอร์จี ฮาจี จอมทัพพรสวรรค์ ต่อด้วย เอเดรียน มูตู อดีตกองหน้า เชลซี, ยูเวนตุส และ ฟิออเรนตินา แต่จุดเด่นคือเกมรับดีที่สุดในรอบคัดเลือก 10 นัด เสีย 2 ประตู ไม่ปราชัยแก่ใครชนะ 5 เสมอ 5 นัด โดยเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมาเกมลับแข้งต้อนรับการมาเยือนของ สเปน สามารถยันเสมอ 0-0
แข้งดาวเด่นประกอบไปด้วยประสบการณ์ของ 2 แนวรับ ราซวาน รัต วัย 35 ปี ติดธงมาแล้ว 111 นัดจาก ราโย บาเยกาโน รวมถึง วลาด คิริเคส กัปตันทีมวัย 26 ปีอยู่กับ นาโปลี หลัง 2 ซีซันที่ค้ำหลังให้ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ และ ซิเปรียน ทาทารูซานู มือกาว ฟิออเรนตินา
แน่นอนว่า เกมรับดีปัญหามักจะอยู่ที่เกมรุก ยอร์ดาเนสคู กุนซือ โรมาเนีย ต้องทำการบ้านอย่างหนักเพื่อให้ทีมผลิตสกอร์เป็นกอบเป็นกำมากกว่านี้ ปัจจุบันพึ่ง บ็อกดาน สแตนคู หอกของ เกนเคลอร์บิลิจี ที่มีสถิติ 40 นัดยิง 9 ประตู รอบคัดเลือก 10 นัดทีมยิงได้แค่ 11 ประตูโดยมีเกมที่บุกชนะ หมู่เกาะ ฟาโร 3-0 รวมอยู่ด้วย