เอเยนซี - “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเกาะอังกฤษ เตรียมเดิมพันแห่งฤดูกาลเพื่อตั๋วลุยศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก แต่จะต้องคว่ำ เซบีญา แชมป์เก่า 2 สมัยจากสเปน ในรอบชิงชนะเลิศศึก ยูโรปา ลีก มีขึ้น ณ เซนต์ จาค็อบ-ปาร์ค เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ วันพุธที่ 18 พฤษภาคมนี้ตอนตี 01.45น.ตามเวลาประเทศไทย
เริ่มที่ เซบีญา ซึ่งตกมาจากรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ที่อยู่สายหินร่วมกับ ยูเวนตุส และ แมนเชสเตอร์ ซิตี ก่อนฝ่าด่าน โมลด์, เอฟซี บาเซิล, แอธเลติก บิลเบา และ ชัคตาร์ โดเนตส์ค เข้ามาป้องกันแชมป์ในฐานะแชมป์เก่า 2 สมัย ซึ่งถ้ารวมทั้งหมดเป็นแชมป์สูงสุด 4 สมัยปี 2006, 2007, 2014 และ 2015 หนึ่งในนั้นคือปี 2006 ที่ปราบ มิดเดิลสโบรช์ ทีมอังกฤษ 4-0 โดยนานแล้วที่ไม่มีทีมไหนเข้าชิง 3 ปีติด ทีมสุดท้ายต้องย้อนไปปี 1974-1976 เป็น บาเยิร์น มิวนิค ที่ทำได้คือซิวแชมป์ ยูโรเปียน คัพ
เซบีญา จบซีซัน 2015-16 ศึก ลา ลีกา ที่อันดับ 7 ดังนั้นต้องการแชมป์ ยูโรปา ลีก เช่นกันเพื่อกลับไปลุยศึก แชมเปียนส์ ลีก โดยผลงานในลีก 3 นัดหลังสุดแพ้รวด ซึ่งปัญหาที่ อูไน เอเมอรี กุนซือชาวสเปนแก้ไม่ตกในปีนี้คือเกมนอกรัง รามอน ซานเชซ ปิซฆวน ที่ไม่ชนะเลยในลีก ส่วนยุโรปถ้วยใหญ่ 3 นัดรอบแบ่งกลุ่มก็แพ้รวด
ส่วนความพร้อมไร้ ไมเคิล โครห์น-เดห์ลี กองกลางเลือดเดนส์ที่บาดเจ็บหัวเข่า แต่จะได้ โฆเซ อันโตนิโอ เรเยส แนวรุกตัวเก๋า ฟิตกลับมาลงสนาม โดยจะถือเป็นการเจอกับทีมอังกฤษอีกครั้งหลังย้ายไปเล่นให้ อาร์เซนอล เมื่อ 12 ปีก่อนปัจจุบันวัย 32 ปีแล้ว โดยปีนี้ยิงไป 3 ประตูจาก 34 นัดรวมทุกรายการ
โดยผู้เล่นอันตรายของ เซบีญา ที่ ลิเวอร์พูล ต้องระวังก็คือกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสวัย 29 ปีอย่าง เควิน กาเมโร ที่ย้ายจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อปี 2013 ตลอด 3 ฤดูกาลปีนี้เล่นได้ดีที่สุดยิงไปแล้ว 27 ประตูจาก 51 นัดรวมทุกรายการ ถ้านับเฉพาะ ยูโรปา ลีก ยิงไป 7 ลูก
เซบีญา ยังมีนักเตะรายอื่นๆ อีกที่อันตรายไม่น้อย อาทิ เกอร์เซกอร์ซ คีย์โชเวียก กองกลางทีมชาติโปแลนด์ ที่พัวพัวกัน อาร์เซนอล เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา รวมถึง เอเวอร์ บาเนกา มิดฟิลด์อาร์เจนไตน์ที่ปีนี้ยิงไปแล้ว 9 ประตูรวมทุกรายการ เฟร์นานโด ยอเรนเต หอกร่างยักษ์และ เยฟเฮน โคโนเปลียนกา กองกลางยูเครน
สำหรับ เซบีญา หลังจากเสร็จศึกกับ ลิเวอร์พูล ยังมีอีกหนึ่งนัดชิงคือ โคปา เดล เรย์ พบงานหินกับ บาร์เซโลนา โดยจะมีขึ้นวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคมนี้ ซึ่งสถิติที่เจอกันมานั้นก็ไม่ธรรมดาในลีกปีนี้ 2 นัดเริ่มจากเปิดบ้านชนะ บาร์ซา 2-1 ก่อนบุกไปแพ้เฉียดฉิวด้วยสกอร์เดียวกัน
ส่วน ลิเวอร์พูล มีดีกรีแชมป์รายการนี้ 3 สมัยปี 1973, 1976 และ 2001 โดยเฉพาะหนสุดท้ายที่ได้นั้นเป็นหนึ่งในถ้วยประวัติศาสตร์ของทริปเปิลแชมป์ในปีนั้นด้วย ขณะที่ เจอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมันมีลุ้นแชมป์กับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ปีแรกที่มาคุมทัพต่อจาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งก็มีประสบการณ์ชิง ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก มาแล้วเมื่อปี 2013
ผลงานใน พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ของ ลิเวอร์พูล ก็น่าผิดหวังเช่นกัน โดยจบที่ 8 เกมสุดท้ายของฤดูกาลคือบุกไปเสมอ เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน 1-1 ซึ่ง 5 นัดหลังสุดในลีกนั้นชนะแค่นัดเดียวเท่านั้น ก็อาจคล้ายๆ เซบีญา คืออาจจะเสียสมาธิที่มุ่งมายังศึก ยูโรปา ลีก ที่มีเดิมพันสูงกว่า ส่วนไล่ตั้งแต่รอบน็อคเอาต์ที่ผ่านมาฝ่าด่าน เอาส์บวร์ก, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ บียาร์ริล ก่อนจะเข้าชิงได้สำเร็จถือเป็นการชิงถ้วยยุโรปครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ที่พ่าย เอซี มิลาน ใน แชมเปียนส์ ลีก
ความพร้อม ลิเวอร์พูล น่าจะได้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางฟิตกลับมาคุมจังหวะหลังเจ็บเข่าไปนาน แต่ คล็อปป์ คงไม่เสี่ยงใช้งานในฐานะตัวจริง ทำให้มิดฟิลด์ผู้ที่ได้ออกสตาร์ทเป็น 3 ประสานคือ เอ็มเร ชาน, เจมส์ มิลเนอร์ และ อดัม ลัลลานา ส่วนกองหน้า ดิว็อค โอริกี ฟิตแล้วทว่าแค่ 50-50 ทำให้โอกาสคงเป็นของ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ คอยรับบอลจาก โรเบอร์โต เฟอร์มิโน กับ ฟิลิปเป คูตินโญ กองหลัง มามาดู ซาโก ติดโทษแบน โคโล ตูเร จะจับคู่กับ เดยัน ลอฟเรน และฟูลแบ็กเป็น อัลเบอร์โต โมเรโน ที่เจอทีมเก่า