เอเยนซี - ศึกกอล์ฟเมเจอร์แรกของฝ่ายชายประจำปี 2016 “เดอะ มาสเตอร์ส” ชิงเงินรางวัลรวม 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 350 ล้านบาท) ได้ฤกษ์ดวลวงสวิงชิง “กรีน แจ๊คเก็ต” ระหว่างวันที่ 7-10 เมษายนนี้ ณ ออกัสตา เนชันแนล กอล์ฟ คลับ ซึ่งหนที่ 80 นี้ถือเป็นปีที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย เพราะผู้เล่นแถวหน้าของโลกแต่ละคนนั้นล้วนฟอร์มดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ดังนั้นจึงยากคาดเดาเหลือเกินว่าใครจะเข้าวิน
สำหรับผู้ที่ได้รับการจับจ้องที่สุดเห็นจะเป็น เจสัน เดย์ จากผลงานคว้าแชมป์ “อาร์โนลด์ พาลเมอร์ อินวิเตชันแนล” เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตามด้วยซิวถ้วย “ดับเบิลยูจีซี-เดลล์ แมตช์ เพลย์” ในอีก 7 วันให้หลัง จนตอนนี้ผงาดกลับไปนั่งบัลลังก์มือ 1 ของโลกอีกครั้ง
ที่ผ่านมา เดย์ ปลดล็อคได้แชมป์เมเจอร์แรกในชีวิตไปแล้วคือ “พีจีเอ แชมเปียนชิป” เมื่อปี 2015 ดังนั้นถือเป็นการลดความกดดันไปได้พอสมควร อย่างไรก็ตามโปรวัย 28 หวั่นใจเพราะต้องเจอกับคู่แข่งมากมายที่ฟอร์มกำลังน่าเกรงขามไม่ว่าจะเป็น จอร์แดน สปีธ แชมป์เก่าจากสหรัฐอเมริกา, บับบา วัตสัน แชมป์ 2 สมัยชาวอเมริกัน, อดัม สกอตต์ จากออสเตรเลีย, รอรีย์ แม็คอิลรอย จากไอร์แลนด์เหนือกับ ริคกี ฟาวเลอร์ จากสหรัฐอเมริกา ที่จะประมาทไม่ได้ รวมไปถึงจอมเก๋าขวัญใจเจ้าถิ่นอย่าง ฟิล มิคเคลสัน เจ้าของ 5 แชมป์เมเจอร์
เดย์ กล่าวว่า “ผมจะต้องสนุกแน่นอนถ้า สปีธ, แม็คอิลรอย, ฟาวเลอร์, สกอตต์, วัตสัน และ มิคเคลสัน มาห้ำหั่นกันในวันอาทิตย์ ส่วนตนตอนนี้รู้สึกพร้อมเต็มที่ ซึ่งการได้ลงสนามในฐานะมือ 1 อีกครั้งเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ก็ไม่ช่วยอะไรเลย เนื่องจากทุกสิ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว”
เดย์ นั้นมีผลงานได้ชูถ้วยแชมป์ 6 จาก 13 อีเวนต์ รวมการคว้าแชมป์เมเจอร์แรกเมื่อปีที่แล้ว โดยมีลุ้นเป็นผู้เล่นคนที่ 5 ที่ได้แชมป์ “พีจีเอ แชมเปียนชิป” เมื่อปีที่แล้วและมาได้ “เดอะ มาสเตอร์ส” ต่อเนื่องในทันที ต่อจาก มิคเคลสัน, ไทเกอร์ วูดส์, แจ๊ค นิคคลอส และ แซม สนีด
“ตอนนี้ไม่ว่าจะเจอกับใครก็ยากหมด โดยเฉพาะ สปีธ กับ แม็คอิลรอย ที่ยังหนุ่มยังแน่นมีแรงกระตุ้น ฟาวเลอร์ ก็กำลังทำได้ดี ดังนั้นผมก็จะต้องเล่นด้วยฟอร์มที่ดีที่สุดและสู้จนนาทีสุดท้าย เพราะหากผ่านสถานการณ์เหล่านี้และรอบสุดท้ายจบด้วยการได้สวม กรีน แจ็คเก็ต ก็จะเยี่ยมไปเลย” เดย์ ทิ้งท้าย
ทางด้าน แม็คอิลรอย มือ 3 ของโลกที่ได้มาแล้ว 4 เมเจอร์ขาดแค่ “เดอะ มาสเตอร์ส” ที่ไม่เคยได้สัมผัส แต่ถ้าทำได้ก็จะถือเป็น แกรนด์ สแลม ตอนอายุ 26 ปีเท่ากับอีก 5 คนที่ทำได้คือ นิคคลอส, ไทเกอร์ วูดส์, เบน โฮแกน, แกรี เพลเยอร์ และ เกเน ซาราเซน “คุณจำต้องมีแรงกระตุ้นเพื่อส่งให้ตนเองเข้าไปมีชื่อเคียงข้างกับบรรดาตำนาน เหนืออื่นใดตอนนี้ผมอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน เพราะปีที่แล้วผลงานอันดับ 4 ดังนั้นตอนนี้ต้องทำให้ดีกว่าเดิม”
กระนั้นก็ตาม แม็คอิลรอย มือ 1 ยุโรป 2 สมัย เผยว่าที่ผ่านเหมือนรายการนี้จะไม่ค่อยมีโชคนัก “ผมรู้สึกว่าต้องทุ่มเทและมีทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงโชคเพื่อให้ได้กลายเป็นแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส ซึ่งก็ได้ครุ่นคิดเพราะปีที่ผ่านๆ มานั้นไม่มีสิ่งนี้”
ขณะที่ สปีธ ที่เมื่อปี 2015 ได้ “กรีน แจ๊คเก็ต” ตามด้วยแชมป์เมเจอร์ “ยูเอส โอเพน” อีกหนึ่งรายการ แต่หากปีนี้ป้องกันแชมป์ที่ ออกัสตา จะทำได้ต่อจาก ไทเกอร์ วูดส์ ตำนานชาวอเมริกันที่สร้างไว้เมื่อปี 2002 โดยผู้เล่นวัย 22 ปีเผยพร้อมยินดีอีกด้วยที่ปีนี้ไม่ถูกมองเป็นตัวเต็ง “แน่นอนคุณต้องพยายามและรักษาจังหวะการเล่นแบบปีที่แล้วที่เป็นแชมป์ อย่างไรก็ตามความรู้สึกไม่เหมือนตอนคุณล่าแชมป์ครั้งแรกอยู่แล้ว เหนืออื่นใดมีผู้เล่นฝีมือดีเพียบ โดยเฉพาะ เจสัน ที่คือตัวเต็ง ดังนั้นผมต้องออกไปและทุ่มหมดหน้าตัก”
อีกหนึ่งการกลับมาของอดีตมือ 1 ของโลกที่ทุกคนยินดีต้อนรับคือ อดัม สกอตต์ วัย 35 ปีจากออสเตรเลียภายใต้การ่วมงานกับ สตีฟ วิลเลียมส์ ที่เคยเป็นแคดดีให้ ไทเกอร์ วูดส์ โดยปี 2016 ได้มาแล้ว 2 แชมป์คือ “เดอะ ฮอนด้า คลาสสิก” และ “ดับเบิลยูจีซี-คาดิลแลค แชมเปียนชิป” ซึ่งที่ผ่านมาได้เมเจอร์เดียวคือที่ ออกัสตา แห่งนี้ตอนปี 2013 พร้อมเผยว่า “งานหนักที่สุดของผมคือช่วง 3 วันแรกที่ต้องผลักตนเองให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่สามารถคว้าแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส เพราะหากขึ้นนำทุกอย่างก็จะไปได้สวยและสามารถควบคุมเลือกเล่นตามแผนได้”