“คิง ออฟ กอล์ฟ” ใช่พิสูจน์ด้วยแชมป์

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - ศึก พีจีเอ ทัวร์ ระหว่างวันที่ 17-20 มีนาคมนี้เป็นรายการ “อาร์โนลด์ พาลเมอร์ อินวิเตชันแนล พรีเซนเต็ด บาย มาสเตอร์การ์ด” ชิงเงินรางวัลรวมสูงถึง 6.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 220 ล้านบาท) ที่ เบย์ ฮิลล์ คลับ แอนด์ ล็อดจ์ รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา

ปีนี้ถือว่าครบรอบ 50 ปีของอีเวนต์ ซึ่งชื่อรายการก็บอกอยู่แล้วว่าหัวเรือใหญ่นั้นคือ อาร์โนลด์ พาลเมอร์ โดยแข่งกันที่รีสอร์ตกอล์ฟส่วนตัวของตำนานชาวอเมริกันที่ปัจจุบันวัย 86 ปี แต่เหลือเชื่อว่าเจ้าตัวเคยเป็นแชมป์แค่ครั้งเดียวเท่านั้นเกิดขึ้นปี 1971 (เป็นแชมป์ก่อนที่ 8 ปีจากนั้นจะกลายเป็นเจ้าภาพ) ส่วนผู้ที่ได้ชูโทรฟีมากครั้งสุดได้แก่ ไทเกอร์ วูดส์ แชมป์ 8 สมัย

หากจะถามว่านักกอล์ฟที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา แน่นอนทุกคนต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ไทเกอร์ วูดส์ แต่ถ้าเป็นแฟนรุ่นเก๋าก็คงจะขัดทันทีว่าคงไม่มีแชมป์ 14 เมเจอร์เจ้าของฉายา “พญาเสือ” เฉกเช่นทุกวันนี้ ถ้าไม่ได้รับการวางรากฐานจากชายที่ชื่อ พาลเมอร์

ระหว่างปี 1958-1964 พาลเมอร์ คือชายที่ถูกยกย่องให้เป็น “เดอะ คิง” ช่วงนั้นเป็นยุคบุกเบิกของวงการโทรทัศน์ที่ใครต่อใครหลายคนเริ่มได้ชมเกมกอล์ฟผ่านทางเครื่องรับมากขึ้น ทุกคนเมื่อได้เห็นวงสวิงก็ต่างยื่นใบสมัครขอเป็นแฟนคลับจนกลุ่มคนเหล่านี้ไปไหนต่อไหนได้รับการขนานนามว่า “อาร์นี อาร์มี”

พาลเมอร์ คว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ 7 ครั้ง ซึ่งไม่ใช่แค่การประกาศศักดาบนแผ่นดินเกิดเท่านั้น แต่ยังข้ามน้ำข้ามทะเลไปที่สหราชอาณาจักรซิวถ้วย “คลาเร็ต จัก” ชนะเลิศศึก “ดิ โอเพน” 2 ครั้งคือปี 1961 กับ 1962 โดยเมเจอร์เดียวที่ไม่เคยได้ชื่นชมคือ “พีจีเอ แชมเปียนชิป” ผลงานดีที่สุดคือที่ 2 ถึง 3 ครั้ง

ช่วงนั้นคู่กัดของ พาลเมอร์ คือ “เดอะ โกลเดน แบร์” หรือ “หมีทองคำ” แจ๊ค นิคคลอส ปัจจุบันวัย 76 ปีเป็นเจ้าของสถิติคว้าแชมป์เมเจอร์มากที่สุดถึง 18 ครั้งยืนยงจวบจนทุกวันนี้ แน่นอนว่าตัวเลขดังกล่าว พาลเมอร์ เทียบไม่ติดแม้แต่นิดเดียว แต่สิ่งที่อยู่ในใจทุกคนไม่เคยจางหายพิสูจน์ได้จากการที่คุณเดินเข้าผับไปสั่งบาร์เทนเดอร์ว่า “อาร์โนลด์ พาลเมอร์” จะร้องอ๋อและรู้ว่าสิ่งที่ต้องการคือชาเย็นกับมะนาว เพราะมีแบรนด์เป็นหน้าตัวเองไปโผล่ข้างบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม

ปัจจุบัน พาลเมอร์ อายุ 86 ปี แต่ยังรั้งอันดับ 5 ผู้ที่ทำรายได้สูงที่สุดนับเฉพาะจากการเล่นกอล์ฟจากการเปิดเผยของ “กอล์ฟไดเจสต์” โดยปีที่แล้วทำเงินไปถึง 40 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,400 ล้านบาท) เป็นรองเพียงแค่ จอร์แดน สปีธ, ฟิล มิคเคลสัน, ไทเกอร์ วูดส์ และ รอรีย์ แม็คอิลรอย

แน่นอนว่าสัปดาห์นี้ทุกคนก็จะเห็น พาลเมอร์ ปรากฎตัวทั้ง 4 วัน โดยเฉพาะวันสุดท้ายที่ต้องมาเป็นผู้มอบถ้วยแชมป์ ซึ่งกอล์ฟเหมือนเป็นยาอายุวัฒนะก็ว่าได้ แซม ซอนเดอร์ส โปรชาวอเมริกันวัย 28 ปีที่มีศักดิ์เป็นหลานกล่าวถึงปู่ว่า “ผมไม่คิดว่าชีวิตของเขาจะมีชีวิตชีวาเท่านี้มาก่อน แถมหนึ่งสิ่งที่ไม่เคยจางหายไปคือความอดทน ไม่มีวันไหนที่เขาล้มตัวลงนอนและไม่ทำอะไรเลย กลับกันได้พยายามที่จะผลักดันทุกอย่างตลอด”

สำหรับทัวร์นาเมนต์นี้ไม่ใช่ชื่อของ พาลเมอร์ เท่านั้นที่ดึงดูดสปอนเซอร์ เพราะยังมีซูเปอร์สตาร์ลงชิงชัยเพียบที่ เบย์ ฮิลล์ เริ่มตั้งแต่ แม็คอิลรอย โปรดังจากไอร์แลนด์เหนือที่เลือกเล่นอีเวนต์นี้เป็นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว รวมถึง เจสัน เดย์, จัสติน โรส และ เฮนริค สเตนสัน โดยไร้มือ 1 ของโลกคือ สปีธ แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องสีสันเพราะมี อดัม สกอตต์ อดีตมือ 1 ชาวออสซี ที่กำลังลุ้นเป็นผู้เล่นคนแรกที่ได้แชมป์ พีจีเอ ทัวร์ 3 รายการติดต่อกัน (เพิ่งคว้า “เดอะ ฮอนด้า คลาสสิก” กับ “ดับเบิลยูจีซี-คาดิลแลค แชมเปียนชิป”) นับตั้งแต่ ไทเกอร์ ทำไว้ 5 ถ้วยติดปี 2007-08

“อาร์โนลด์ พาลเมอร์ อินวิเตชันแนล พรีเซนเต็ด บาย มาสเตอร์การ์ด” ถือเป็นรายการซ้อมใหญ่ก่อนเมเจอร์แรกของปีคือ “เดอะ มาสเตอร์ส” ระหว่างวันที่ 7-10 เมษายนนี้ ณ ออกัสตา แต่น่าเสียดายที่อีเวนต์ใหญ่ดังกล่าวปีนี้ ปู่พาลเมอร์ จะไม่ที-ช็อตเปิดการแข่งขันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ส่วนหนึ่งเพราะมีอาการเจ็บที่หัวไหล่ แต่ก็จะไปปรากฎตัวกล่าวทักทายเฉกเช่นเดิม

นอกจากนี้มีก้านเหล็กไทยให้เชียร์ 1 รายคือ “โปรอาร์ม” กิรเดช อภิบาลรัตน์ แชมป์ ยูโรเปียน ทัวร์ 3 รายการ ที่หวังคืนฟอร์มเก่งโดยเร็ว เพราะล่าสุดลงเล่นที่บ้านเกิดศึก “ทรู ไทยแลนด์ คลาสสิก พรีเซนเต็ด บาย ช้าง” ไม่ผ่านตัดตัวสกอร์อยู่ที่ 1 อันเดอร์พาร์

เรื่อง สรเดช เพชรแสงใสกุล