เอเยนซี - วงการเทนนิสสัปดาห์ที่ผ่านมามีประเด็นร้อนแรงเกิดขึ้นเมื่อ โนวัค ยอโควิช นักหวดหนุ่มมือ 1 โลกจาก เซอร์เบีย แสดงความเห็นว่าเทนนิสชายควรได้เงินรางวัลมากกว่าผู้หญิงเพราะแมตช์ของผู้ชายมียอดผู้ชมสูงกว่า แน่นอนว่าคนที่พูดโดนสวดยับเยินจากเพื่อนร่วมวงการทำนองพูดไม่แคร์ความเสมอภาคเท่าเทียมของผู้หญิงและคิดว่าการแบ่งเงินเท่ากันคือสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เมื่อหยิบมาพูดทีไรก็ต้องเป็นประเด็นทุกที ดังนั้นลองดูมุมมองของ ไทม์ สื่อยักษ์ใหญ่ของ สหรัฐอเมริกา กันว่าทำไมนักหวดชาย-หญิง ควรได้เงินรางวัลในระดับเท่าเทียม
เพราะผู้หญิงทำงานหนักเท่าผู้ชาย
ความเป็นสตรี แน่นอนว่าเรื่องของสรีระและพละกำลังคงไม่สามารถสู้กับผู้ชายได้อยู่แล้วโดยธรรมชาติ ทว่าสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือพวกเธอมีความทุ่มเท, มุ่งมั่น, ฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นอาชีพ แม้ว่าการแข่งขันระดับ แกรนด์ สแลม ผู้ชายจะต้องเล่นจำนวนเซตมากกว่าแต่ไม่ได้หมายความว่าการเล่นระบบ 2-3 เซตของจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้หญิง ยิ่งแมตช์ไหนที่ต้องสู้กันแบบยืดเยื้อ เรี่ยวแรงพละกำลังย่อมหมดเร็วกว่าผู้ชายเป็นธรรมดา โดยเฉพาะรอบชิง วิมเบิลดัน ปี 2005 กว่าที่ วีนัส วิลเลียมส์ จะเอาชนะ ลินด์เซย์ ดาเวนพอร์ท ได้ เซตตัดสินก็สู้กันยาว 45 นาที มากกว่าเซตตัดสินของรอบชิงฝ่ายชายอีก
เล่นน้อยกว่าใช่ว่าเงินต้องน้อยกว่า
ต่อยอดจากข้อที่แล้ว ถึงแม้ว่าผู้หญิงอาจเล่นจำนวนเซตน้อยกว่าผู้ชายในระดับ แกรนด์ สแลม ก็ไม่ได้มีการบ่งบอกว่าผู้ชายจะต้องได้รับเงินโบนัสพิเศษสำหรับแมตช์ 5 ใน 3 เซต เพราะแม้แต่ เบสบอล, ฮอคกี หรือแม้แต่ ฟุตบอล ไม่ว่าจะเล่นกันยืดเยื้อแค่ไหนสุดท้ายเงินรางวัลก็ยังคงจำนวนเท่าเดิมไม่ได้มีบวกเพิ่มให้ ดังนั้นถือว่าทุกคนเหนื่อยเท่ากันหมด ตัดสินกันที่ผลแพ้ชนะอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับว่าใครเล่นนานที่สุด
แมตช์ผู้หญิงก็มีคนดูเยอะไม่แพ้ผู้ชาย
จากความเห็นของ ยอโควิช เรื่องจำนวนคนดู ถ้าเป็นสมัยก่อนอาจจะใช้อ้างอิงได้ แต่ยุคนี้เปลี่ยนไปแล้วเพราะตั้งแต่ยุค 80 เป็นต้นมา เทนนิสหญิงหลายแมตช์มียอดขายตั๋วที่ร้อนแรงไม่แพ้ฝ่ายชาย บวกกับฝีมือการเล่นระดับคุณภาพของเหล่าตำนานทั้งหลายทำให้คนดูยอมรับฝีมือพวกเธอมากขึ้น ผู้จัดหลายรายก็ยอมให้ผู้หญิงลงแข่งสนามหลักเดียวกับผู้ชายได้ด้วย มีการเปิดเผยว่าแมตช์รอบ 8 คนสุดท้าย ยูเอส โอเพน ปี 2005 ระหว่างสองศรีพี่น้อง วีนัส และ เซเรนา วิลเลียมส์ ตั๋วจำนวน 22,547 ที่นั่งบนคอร์ตใหญ่ อาร์เธอร์ แอช สเตเดียม ขายหมดเกลี้ยงทันทีเมื่อสองพี่น้องคู่นี้โคจรมาเจอกัน ขณะเดียวกัน ความโด่งดังของผู้เล่นก็ไม่ใช่เป็นเครื่องการันตีว่าจะต้องได้เงินเยอะ เพราะทีมนักเตะสาวของสหรัฐอเมริกา ที่คว้าแชมป์โลกปี 2015 แม้มีคนดูมากที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมซูเปอร์สตาร์ชื่อดังมากมาย ทว่าแต่ละคนได้ค่าจ้างไม่มากมายนักเพราะมีเพดานเงินเดือนกำหนดไว้ที่ 265,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9.3 ล้านบาท) น้อยกว่าฝ่ายชายหลายเท่า
กีฬาอื่นก็จ่ายเงินรางวัลเท่ากัน
ไม่ใช่แค่เทนนิสที่มีการจ่ายเงินรางวัลเท่ากันทั้งฝ่ายชายและหญิง เพราะกีฬาชนิดอื่นก็ทำแบบนี้ เพราะมีการเปิดเผยว่าวงการกีฬาอื่นๆหลายชนิดก็จ่ายให้ทุกคนอย่างเท่าเทียม อาทิเช่น สเก็ตน้ำแข็ง, ยิมนาสติก ซึ่งมีนักกีฬาเล่นกันทั้งชายและหญิง หากได้แชมป์เงินรางวัลจะถูกแบ่งส่วนเท่ากันหมดไม่มีใครได้มากกว่า ต่อให้กีฬาชนิดนั้นจะมีสปอนเซอร์มากมายแค่ไหน ยกตัวอย่างอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล ผู้เล่นของ เดนเวอร์ บรองโกส์ ซึ่งเป็นทีมที่คว้าแชมป์ ซูเปอร์โบว์ล ครั้งล่าสุด พวกเขาก็ได้รับเงินโบนัสจากลีกเท่ากันที่ 102,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.5 ล้านบาท) แม้ว่าในทีมจะมีซูเปอร์สตาร์อย่าง เพย์ตัน แมนนิง ที่เป็นกำลังสำคัญก็ตาม
ซูเปอร์สตาร์คนเดียวฉุดทั้งวงการ
ที่ผ่านมาวงการกีฬาของผู้หญิงอาจต้องเจอปัญหาซบเซาบ้าง แต่หากมีนักกีฬาระดับแม่เหล็กเกิดขึ้นมาก็จะส่งผลดีต่อทั้งวงการด้วย โดยเมื่อปี 2013 องค์กรกีฬาและออกกำลังกายของผู้หญิง เปิดเผยตัวเลขว่ามีนักกีฬาหญิงบางส่วนบางชนิดที่ต้องหาอาชีพเสริมระหว่างเล่นกีฬาหลัก แต่เมื่อวงการกีฬาของพวกเขามีซูเปอร์สตาร์เข้ามากอบกู้ ก็จะดึงดูดสปอนเซอร์และยกระดับเงินรางวัลให้สูงขึ้นด้วย ถ้า “โนเล” คิดว่าผู้ชายควรมีเงินรางวัลเยอะกว่าผู้หญิง พวกเขาก็ควรได้เงินน้อยกว่าสตรีด้วยเพราะผู้ชายนั้นไม่ค่อยทำงานเสริมอะไรนอกจากเล่นกีฬาอยู่แล้ว