ชนินทร์ แก่นหิรัญ รองเลขาธิการฝ่ายกฎหมาย แจงสรรพากรแจ้งสมาคมฟุตบอลไม่เคยเสียภาษีตั้งแต่ปี 2550 - 2555 รวม 131 ล้านบาท รวมหนี้สินเดิมอีก 16 ล้าน เตรียมตั้งคณะกรรมการตรวจที่มาของหนี้สิน
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายชนินทร์ แก่นหิรัญ รองเลขาฯฝ่ายกฎหมาย ได้นัดหมายให้ ผู้บริหารสมาคมฟุตบอลฯชุดเก่า นำเอกสารต่าง ๆ มาส่งมอบงานให้กับสมาคมชุดใหม่ โดยมี พ.อ.วรวุฒิ ทองศรีงาม อดีตเลขาฯ เป็นผู้เดินทางนำเอกสารมาส่งมอบ ณ ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลฯ (สนามศุภชลาศัย)
หลังการหารือ นายชนินทร์ แก่นหิรัญ เผยว่า ได้รับแจ้งจากกรมสรรพากร ว่า สมาคมไม่ได้เสียภาษีตั้งแต่ปี 2550 - 2555 เป็นจำนวน 131,000,000 บาท และยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบการเสียภาษีปี 2556 - 2558 “ตอนนี้เราได้รับแจ้งว่าสมาคมไม่ได้มีการเสียภาษีจริง ตามที่สรรพากรแจ้ง เนื่องจากมีความเข้าใจผิดว่าเงินที่ได้รับสนับสนุนจากผู้สนับสนุนต่าง ๆ เป็นเงินบริจาค ต่างจากความหมายของสรรพากรว่าเป็นเงินต่างตอบแทน ในกรณีที่มีการรับเงินเกิน 1.8 ล้านบาท จะต้องมีการเสียภาษี”
“ซึ่งตนเองจะเข้าไปหารือกับสรรพากรว่าจะสามารถลดหย่อนได้หรือไม่ และเตรียมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบว่ามีการบกพร่องในหน้าที่ของสมาคมชุดใด เพื่อหาผู้รับผิดชอบ เพราะเงินจำนวน 131 ล้านนั้น เกิดขึ้นในช่วงที่ฟุตบอลยังไม่ได้มีผลงานโดดเด่นเหมือนในช่วง 3 ปีหลังที่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบภาษี ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเสียมากกว่าช่วงแรกที่ได้รับแจ้งมาอย่างแน่นอน” รองเลขาฯฝ่ายกฎหมาย กล่าว
ด้าน “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก กล่าวว่า นอกจากหนี้สิ้นที่ได้รับแจ้งในตอนนี้ ยังได้รับแค่สำเนาของสปอนเซอร์ทั้งหมด ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ “การที่สมาคมแจ้งยกเลิกสัญญากับสยามสปอร์ต จึงต้องตรวจสอบสัญญาของผู้สนับสนุนทั้งหมดด้วย แต่ตอนนี้ได้มาเพียงสำเนาจึงไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ จึงต้องเตรียมนัดส่งมอบงานอีกในครั้งต่อไป”
"ขณะนี้ในบัญชีทั้ง 4 แห่งที่ได้รับมอบมามีเงินคงเหลือ 1 ล้านกว่าบาท แน่นอนว่า ไม่เพียงพอกับหนี้สินที่คงค้าง การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจะเริ่มหลังจากที่นายกเดินทางกลับจากอิหร่าน เพราะเงินเป็นเงินจำนวนมาก อาทิ ค่าใช้จ่ายโรงแรมที่มีการเซ็นจ่ายเงิน ต้องดูว่าเป็นหนี้สินของสมาคมหรือส่วนตัว เป็นต้น การจะหาผู้รับผิดชอบในขณะนี้จึงยังเร็วไป ขอเวลาให้ทีมงานได้ทำการตรวจสอบที่มาของเงินทั้งหมดก่อน” บิ๊กเจี๊ยบ กล่าวทิ้งท้าย