เอเยนซี – สุดสัปดาห์นี้วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคมฤกษ์งามยามดี แฟนๆ ผู้ชื่นชอบความเร็วคงเกาะติดขอบจอเมื่อการแข่งขันระดับโลกสองรายการใหญ่อย่างรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก ฟอร์มูลา วัน และศึกสองล้อทางเรียบ โมโตจีพี จะกลับมาเปิดศึกดวลบนแทร็คฤดูกาล 2016 พร้อมกันที่ ออสเตรเลีย และ กาตาร์ ตามลำดับ ปีนี้ความตื่นเต้นนอกเหนือจากการชิงชัยบนสังเวียนต่างๆ คือการดวลกันของนักซิ่งคู่ปรับของแต่ละฝั่งที่มีบัญชีต้องสะสางติดค้างกันมาตั้งแต่เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
เริ่มกันที่ฝั่งของรถสูตรหนึ่ง ปีนี้มีความพิเศษเกิดขึ้นจากการตกลงของ เอฟไอเอ นั่นคือการบรรจุเรซเพิ่มขึ้นมาจนล้นปฏิทินแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ โดยแข่งกันทั้งหมด 21 สนาม นอกจากสังเวียนปกติที่คุ้นตากันดีแล้วก็ยังมี อาเซอร์ไบจาน ดินแดนแห่งน้ำมันและการกลับมาของศึก เยอรมัน กรังด์ ปรีซ์ หลังจากหายไปเมื่อปีก่อนเพราะมีปัญหาเรื่องการเงินและตกลงสนามที่ใช้กันไม่ได้ ก่อนเป็น ฮอกเกนไฮม์ ริง ที่มารับหน้าเสื่อแทน
ไฮไลต์หลักของปีนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการต่อสู้กันเองของสองนักแข่งจากทีม เมอร์เซเดส เอเอ็มจี ทั้ง ลูอิส แฮมิลตัน กับ นิโค รอสเบิร์ก เรื่องราวความขัดแย้งยังดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ ภาพเหตุการณ์ที่ รอสเบิร์ก ปาหมวกใส่เพื่อนดีกรีแชมป์โลก 3 สมัย หลังจบการแข่งขันที่ ออสติน ที่ตลอดทั้งเรซขับปาดชนกันมา แม้ 3 สนามสุดท้ายจะเข้าวินทั้งหมดแต่ก็ไม่มีผลอันใดเพราะนักแข่งจากเมืองผู้ดี เถลิงโทรฟีแชมป์โลกไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว รวมถึงเรซอื่นที่สะกิดกันจนมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบ
ขณะที่ฝั่งของ โตโต โวล์ฟฟ บอสใหญ่จากค่าย “ซิลเวอร์ แอร์โรว์ส” ปีนี้ก็เปิดไฟเขียวเต็มที่ให้สองเพื่อนรักเพื่อนแค้นขับเคี่ยวกันบนแทร็คได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีสิ่งที่เรียกว่าทีมบอสมาขวางกั้น เว้นอย่างเดียวอย่าสู้กันจนเปิดช่องว่างให้คู่แข่งชิงจังหวะสอดแทรกขึ้นมา “ที่ผ่านมา ฟอร์มูลา วัน ก็มีเรื่องราวการปะทะกันที่เป็นสีสันอยู่แล้ว ถึงจะเป็นเรื่องน่าวิตกแต่เวลานี้ผมจะไม่เข้าไปแทรกแซงหรือควบคุมอะไร เรายอมรับการต่อสู้ของทั้งคู่ได้ มันคือส่วนหนึ่งของการแข่งขัน”
อีกเรื่องที่น่าสนใจตามมาคือการเปลี่ยนแปลงระบบการควอลิฟายใหม่ในปีนี้ จากเดิมที่เคยแข่งกันทำเวลาแล้วเลือกเอาคนที่ทำเวลาได้เร็วที่สุดในรอบสามเป็นเจ้าของตำแหน่ง โพล โพซิชัน แต่คราวนี้เปลี่ยนไปคือให้ทุกทีมไล่บดบี้กันหมด 3 รอบแล้วค่อยๆตัดคันทีช้าที่สุดเมื่อผ่านทุก 90 วินาที เริ่มที่รอบแรกคัดเอา 15 คัน ใครช้าสุดตัดออก รอบสองเอาเหลือเหลือ 7 คัน และรอบสุดท้ายตัดจนเหลือ 2 คันแล้วให้ซิ่งชิงตำแหน่งกริดสตาร์ทคันแรกสุดเอาเอง โดยให้เหตุผลคือเพื่อความตื่นเต้นของคนดู
แน่นอนว่าทำเอานักแข่งและทีมงานหลายคนพากันสวดยับ ทำนองว่าอยู่ๆก็นึกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนกันเองโดยไม่มีการปรึกษาคนที่ลงแข่งขันก่อนทั้งที่มีเวลาช่วงต้นปี ตั้งแต่แชมป์โลกอย่าง แฮมิลตัน รวมถึงคนอื่นอย่าง เซบาสเตียน เวทเทล จาก เฟอร์รารี และ เฟร์นานโด อลอนโซ จาก ฮอนด้า-แม็คลาเรน เพราะเล่นเอาปรับตัวไม่ทันและไม่มีใครคิดว่าจะเวิร์คด้วย โดยกฎใหม่จะเริ่มใช้ตั้งแต่สนามแรกที่ เมลเบิร์น พาร์ค ออสเตรเลีย วันที่ 18-20 มีนาคม เป็นต้นไป จะดีร้ายอย่างไรค่อยตัดสินกันด้วยสายตา
ข้ามฝั่งมาที่ โมโตจีพี กันบ้าง สุดสัปดาห์นี้แข่งวันเดียวกับ เอฟวัน เริ่มที่ กาตาร์ แบบ ไนท์เรซ ไปจนจบที่ บาเลนเซีย วันที่ 13 พฤศจิกายน แข่งกัน 18 สนามตามแพทเทิร์นเดิมปกติ แต่ที่จับจ้องกันมากที่สุดคือการชิงแชมป์โลกแบบ 3 เส้าระหว่างสองนักบิดจาก โมวิ สตาร์ ยามาฮ่า วาเลนติโน รอสซี กับ ฆอร์เก ลอเรนโซ แชมป์คนปัจจุบัน และ มาร์ค มาร์เกวซ จาก เรปโซล ฮอนด้า โดยรายหลังมีประเด็นนอกเกมกับ “เดอะ ด็อกเตอร์” กันอยู่จากการโดนอีกฝ่ายใช้ลูกเตะบันลือโลกที่ มาเลเซีย
ถึงเรื่องราวจะผ่านไปแล้วแต่นักบิดหมายเลข 46 ยังคงติดใจอยู่กับการขับขี่ของ มาร์เกวซ แบบช่วยเหลือเกื้อกูลให้ ลอเรนโซ รุ่นพี่ชาติเดียวกันได้แชมป์โลกในสนามสุดท้าย แถมยังประกาศตัดความสัมพันธ์แบบรุ่นพี่รุ่นน้องในวงการแบบถาวร ถึงหน้าฉากในงานแถลงข่าวที่ กาตาร์ จะพูดคนละแบบก็ตาม เล่นเอาแฟนสองล้อต้องจับตาดูการปะทะกันของสองนักแข่งแชมป์โลกคู่นี้ มากกว่าใครจะได้เป็นแชมป์โลกในช่วงบั้นปลายเสียอีก ใครชอบแบบไหนเลือกดูได้ตามสะดวก