กองเชียร์ ลิเวอร์พูล อาจยังวางใจไม่ได้ ก่อนหน้าฟาดแข้ง ศึก ยูฟา ยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลก 2 ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด คืนวันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคมนี้ เนื่องจากประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยสร้างปาฏิหาริย์ หลังตกเป็นรอง 0-2 เมื่อปี 1963, 1984 และ 2014
2014 พบ โอลิมเปียกอส (ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย)
ยูไนเต็ด ปราชัยมา 0-2 ที่ประเทศกรีซ ด้วยรูปเกมที่น่าผิดหวัง ยิงตรงกรอบแค่ครั้งเดียว จากนั้นความมั่นใจยังสั่นคลอน พ่ายแก่ ลิเวอร์พูล อริตลอดกาล 0-3 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ช่วงสุดสัปดาห์ ก่อนหน้าฟาดแข้งเลก 2 แต่กลับได้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ศูนย์หน้าชาวดัตช์ สวมบทฮีโร่ ซัดแฮตทริกแค่ 51 นาที ชำระแค้น 3-0 ตีตั๋วสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ
1984 พบ บาร์เซโลนา (คัพ วินเนอร์ส คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ)
“บาร์ซา” ที่มีซูเปอร์สตาร์อย่าง ดีเอโก มาราโดนา สวมบทจอมทัพ พิชิต ยูไนเต็ด 2-0 ที่ คัมป์ นู ก่อน “ปิศาจแดง” เอาคืนถล่มไป 3-0 เลก 2 โดยมี ไบรอัน ร็อบสัน มิดฟิลด์กัปตันทีม เหมา 2 ประตู ทำให้สกอร์รวม 2 นัด เท่ากัน 2-2 และ แฟรงค์ สเตเปิลตัน ซัลโวประตูชัย
1963 พบ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (คัพ วินเนอร์ส คัพ รอบ 2)
นับเป็นเผชิญหน้ากันครั้งแรกของ 2 สโมสรจากอังกฤษ บนสังเวียนฟุตบอลยุโรป โดย สเปอร์ส กุมความได้เปรียบจากนัดแรก 2-0 แต่ต้องเหลือ 10 คน เลก 2 เนื่องจาก เดฟ แม็คเคย์ กัปตันทีม ขาหัก (ไม่มีตัวสำรอง) ถึงแม้ว่า จิมมี กรีฟส์ จะยิงตีเสมอ ทว่า “เรด เดวิลส์” ทีมีผู้เล่นมากกว่า เอาชนะไป 4-1 ด้วย 2 ประตูของ เดวิด เฮิร์ด กับ เซอร์ บ็อบบี ชาร์ลตัน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
